เช้านี้หุ้น EA มีปริมาณซื้อขายหนาแน่น ดันราคาหุ้นพุ่ง 5.53% รับอานิสงส์ หลังบอร์ด EV เร่งผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ขณะที่โบรกฯมอง EA ได้ประโยชน์สูงสุด เหตุเป็นเจ้าตลาดผู้บุกเบิก กำไรปีนี้โตโดดเด่นระหว่าง 26-48%
*** ปิดเช้าบวก 5.53% รับบอร์ด EV เร่งผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า
ราคาหุ้น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ช่วงเช้าวันนี้ (25 มี.ค.64) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 62.75 บาท ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 62 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท หรือ 5.53% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 381.40% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
โดยสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น EA ปิดซื้อขายช่วงเช้าบวกแรงถึง 5.53% เนื่องจากกำลังได้รับปัจจัยหนุน จากคณะกรรมการรถยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ(บอร์ด EV) ตั้งเป้าให้ประเทศไทยใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งหมด 1.15 ล้านคัน ในปี 78 และเตรียมออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อจูงใจผู้ประกอบการและผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า
*** กูรูชี้ EA รับประโยชน์กระแส EV มากสุด
บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส มองว่า EA เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการผลักดันนโยบายรถยนต์ EV มากที่สุด เนื่องจาก EA เป็นผู้นำร่องธุรกิจแบตเตอรี่ในประเทศไทย โดยปัจจุบัน EA ลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ผ่านบริษัทย่อย Amita Taiwan (EA ถือหุ้นราว 70%) ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ ประเภท Lithium-ion กำลังการผลิต 400 MWh โดยมีกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และรถสาธารณะในประเทศไต้หวัน เป็นเป้าหมายหลัก
นอกจากนี้ EA ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทย เฟส 1 ขนาด 1,000 MWh ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จ และเริ่มผลิตแบตเตอรี่ cell แรกได้ในช่วงเดือนมี.ค. – เม.ย.นี้ โดย EA มีแผนจะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่คาดจะเริ่มผลิต และส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในช่วงกลางปี 64
*** แม้เลื่อนส่งมอบรถยนต์ EV แต่ไม่กระทบกำไรปีนี้
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า แม้ EA จะมีความเสี่ยงจากความล่าช้าในการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า จำนวน 4,500 คันที่จะเลื่อนจากไตรมาส 2/64 ไปเป็นไตรมาส 4/64 เพราะผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 2 แต่มองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของ EA อย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจาก โรงแบตเตอรี่ขนาด ขนาด 1GWh และโรงงานผลิตรถเมล์ไฟฟ้า จะเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ตามกำหนดการ ซึ่งคาดให้กำไรสุทธิมากถึง 1.2 – 1.5 พันล้านบาท มากกว่าการส่งมอบรถยนต์ EV ที่คาดให้กำไรสุทธิ 400 ล้านบาท
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โรงแบตเตอรี่ขนาด 1GWh คาดจะเปิดดำเนินการภายในไตรมาส 2/64 โดย EA ตั้งเป้ากำลังการผลิต 50–80% ทำให้ปี 64 จะสามารถผลิตแบตเตอรี่ได้จำนวนราว 0.5 GWh เบื้องต้น แบตเตอรี่จะถูกนำไปใช้ในภายในกลุ่มบริษัทฯ อาทิ ในธุรกิจรถเมล์ไฟฟ้า, เรือไฟฟ้า และสถานีบริการอัดปะจุไฟฟ้า
นอกจากนี้ EA ยังตั้งเป้าเปลี่ยนแผงโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนบางส่วน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ซึ่งอาจทำให้ยีลด์ เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกราว 20% ขณะที่ หน่วยธุรกิจเรือไฟฟ้า ปีนี้จะเปิดให้บริการทั้งหมด 27 ลำ โดยปัจจุบัน เปิดให้บริการแล้ว จำนวน 6 ลำ และอยู่ระหว่างการผลิตอีกจำนวน 21 ลำ คาดจะทยอยเปิดให้บริการตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป
ส่วน หน่วยธุรกิจรถเมล์ไฟฟ้า จะทยอยส่งมอบ จำนวน 300 – 400 คัน ให้กับกลุ่มเอกชนภายในไตรมาส 2/64 และอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มเอกชนอีกจำนวน 500 คัน
*** รถกระบะไฟฟ้าเป็นอีก 1 ปัจจัยหนุนเติบโต คาดกำไร 300 ลบ./ปี
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า จากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ประเทศไทยมีรถกระบะจดทะเบียน จำนวน 1.17 ล้านคัน ณ สิ้นเดือน ก.พ.64 จากตัวเลขดังกล่าว 69% เป็นรถกระบะส่วนตัว และ 31% เป็นรถกระบะประเภทไม่ประจำทาง ทั้งนี้ มองว่าบันทึกช่วยจำที่ EA ได้ทำสัญญากับสองผู้ผลิตรถกระบะชั้นนำของไทย อย่าง อีซูซุ และ ฮีโน่ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนการเติบโตในอนาคต
เนื่องจาก ในทางกลยุทธ์ EA ควรเสริมสร้างความสามารถในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า มูลค่าสูงสำหรับการผลิตรถกระบะไฟฟ้า, สถานีชาร์จ และโดยเฉพาะแบตเตอร์รี่ให้กับนักลงทุน และกลุ่มเป้าหมายที่จะพัฒนามาเป็นผู้ซื้อสินค้าของ EA ในอนาคต ซึ่งคาดว่ารถกระบะไฟฟ้าจะสร้างกำไรสุทธิ 300 ล้านบาทต่อปี ให้กับ EA โดยคิดจากยอดขายรถกระบะไฟฟ้าจำนวน 1,000 คันต่อปี ที่ราคาขาย 3 ล้านบาทต่อคัน
*** Q1/64 ผลงานยังสะดุด หลังโรงไฟฟ้าลมเข้าโลว์ซีซั่น
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ของ EA ไว้ราว 1.3 พันล้านบาท ลดลง 12% จากไตรมาสก่อน และลดลง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากกระแสลมที่ลดลงตามฤดูกาล และการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 อาจเป็นปัจจัยกดดันราคาจำหน่าย และปริมาณการจำหน่ายในหน่วยธุรกิจ B100
สอดคล้องกับ บล.เอเซีย พลัส ที่มองว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ของ EA จะปรับตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เพราะธุรกิจโรงไฟฟ้ามีแนวโน้มรายได้ลดลงตามกระแสลมที่อ่อนลงตามฤดูกาล แม้จะคาดว่าโรงไฟฟ้าฟ้าโซลาร์ จะมีผลประกอบการดีขึ้น จากค่าความเข้มแสงที่สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนก็ตาม ประกอบกับ ค่าใช้จ่ายในการขาย (SG&A) จะปรับตัวลดลงสู่สภาวะปกติ แต่มองว่ายังไม่สามารถชดเชยได้ทั้งหมด
*** ผลงานแรงครึ่งปีหลัง ทั้งปีคาดโต 26 – 48%
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ EA ไว้ที่ 7.7 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไม่รวมกำไรธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า) โดยมองว่า ผลประกอบการของ EA จะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 64 เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น คาดทำกำไรได้ราว 800 ล้านบาท ชดเชยโรงไฟฟ้าโซลาร์ฯที่เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นได้
ขณะเดียวธุรกิจ Biodiesel จะดีขึ้นจากการกลับมาเปิดดำเนินการของภาคธุรกิจ หลังการแพร่ระบาดวิด-19 เริ่มคลี่คลายประกอบกับ รัฐบาลส่งเสริมการใช้น้ำมัน B10 และจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจ PCM ตั้งแต่เดือน ส.ค.นี้ ซึ่งคาดทำกำไรได้ 200 ล้านบาท
ส่วน บล.เอเซี พลัส ประเมินกำไรสุทธิปี 64 ของ EA ไว้ที่ 6.5 พันล้านบาท (ไม่รวมกำไรธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า) เติบโตขึ้น 26% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนจากผลประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานลม และโซลาร์ มีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน รวมถึงธุรกิจไบโอดีเซล ที่คาดจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้จาก Bio- PCM (กำลังการผลิต 65 ตัน/วัน) ได้แล้ว
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ ทั้ง 2 แห่ง ยังติดตามการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของ EA ว่าจะสามารถส่งมอบสำเร็จได้ในปีนี้หรือไม่ หากทำได้ทัน ถือเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรสุทธิในปีนี้
*** โบรกฯ ส่วนใหญ่แนะนำ”ซื้อ”
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังแนะนำ”ซื้อ” เนื่องจากมองว่าผลประกอบการปี 64 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น แม้การส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า จะถูกเลื่อนออกจากช่วงต้นปี 64 ไปเป็นปลายปี 64 หรืออาจล่าช้าถึงปี 65 แต่ยังมีรายได้ส่วนอื่นมาชดเชย โดยเฉพาะธุรกิจโรงไฟฟ้าที่คาดว่าจะโกยกำไรได้แรงในช่วงครึ่งปีหลัง
บล. | คำแนะนำ | ราคาเหมาะสม (บ.) |
เอเชีย พลัส | ถือ | 54.00 |
หยวนต้า | ซื้อเก็งกำไร | 69.00 |
ฟินันเซียฯ | ซื้อ | 76.00 |
ราคาเฉลี่ย | 66.33 |
ราคาหุ้น EA ปรับตัวขึ้นมามากกว่าเท่าตัวในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่หันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายยังมองคล้ายกันว่า ราคาหุ้น EA จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตามกระแสพลังงานทดแทน ที่ค่อยๆแทรกตัวเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น สะท้อนจากบริษัทพลังงานหลายแห่งที่เริ่มผันตัวมาทำธุรกิจพลังงานทดแทนมากขึ้น สอดรับการเปลี่ยนแปลงของโลก…
ที่มา: สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย