ผู้ติดเชื้่อวันนี้ในปท.2,392-ตรวจเชิงรุก 756-ตปท.26,ตาย 51

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,174 ราย ประกอบด้วย

– ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,392 ราย
– จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 720 ราย และจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 36 ราย
– ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 26 ราย
– มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 51 ราย สูงสุดนับแต่มีการระบาดในประเทศ แยกเป็นเพศชาย 26 ราย เพศหญิง 25 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยังมาจาก กทม.อายุระหว่าง 29-91 ปี

สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงล่าสุดอยู่ที่ 228,539 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 189,777 ราย เพิ่มขึ้น 1,941 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 1,744 ราย

สำหรับกรุงเทพฯ มีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวัง 96 แห่ง ได้แก่ โรงงานเย็บผ้า ซอยประดู่ ย่านบางคอหลม โรงงานทำจิวเวลรี่ ย่านคลองสาน แคมป์ที่พักคนงานในกองบัญชาการศึกษา สตช. โรงงานเย็บผ้าย่านทุ่งครุ ขณะที่หลายจังหวัดยังพบคลัสเตอร์ใหม่ เช่น โรงงานน้ำแข็ง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ โรงงานผิตยางรถยนต์ อำเภอกระทุ่มแบน โรงงานอาหารทะเลแปรรูป อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

อย่างไรก็ตามที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก มีความกังวลเกี่ยวกับจำนวนเตียงที่เข้าสู่ภาวะวิกฤตในการรองรับผู้ป่วยที่มีเพิ่มขึ้น จากความแออัดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงมีข้อเสนอว่าพื้นที่โซนสีเขียว ซึ่งรับเป็นผู้ป่วยอาการไม่มากขึ้น หากสามารถย้ายไปอยู่ Hospitel ส่วนหนึ่งจะทำให้มีเตียงว่างรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น นอกจากนี้ ศักยภาพโรงพยาบาลรัฐเต็มขีดจำกัดแล้ว หากสามารถปรับบางพื้นที่ เช่น สถานที่ดูแลผู้สูงอายุย่านบางขุนเทียน เพื่อขยายศักยภาพเตียง แต่อาจมีข้อจำกัดด้านบุคลกากรทางการแพทย์ จึงจะได้หารือกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนที่จะนำบุคลการของเอกชนมาเสริมส่วนนี้ได้

“กลไกลการบริหารอาจต้องเปลี่ยนจากภาคปกติ จึงต้องปรับรูปแบบใหม่ เพื่อรองรับวิกฤต โดยดึงศักยภาพของหน่วยงานเอกชน โดยสร้าง ICU เป็นสถานที่ดูแลผู้ป่วยหนักนอกโรงพยาบาล และความร่วมมือจากเอกชนร่วมกัน”

ส่วนข้อเสนอบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องการให้ล็อคดาวน์กรุงเทพฯ เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ ที่ประชุมได้รับทราบข้อเสนอ แต่จะดำเนินการในบางพื้นที่เท่านั้น เช่น แคมป์ก่อสร้าง เนื่องจากต้องพิจารณาผลดี ผลเสียที่เกิดขึ้น จึงต้องไตร่ตรองอย่างดี

“การปิด กทม. ส่วนใหญ่ก็เป็นแรงงานจากต่างจังหวัด ดังนั้นหากล็อคดาวน์ อาจเกิดการเคลื่อนย้าย ไปติดเชื้อในต่างจังหวัดอีกได้ ดังนั้นถ้าจะทำคือ Bubble and Seal โดยจะมีการกำหนดนิยามให้ตรงกัน ดังนั้นขณะนี้การแบ่งเขตดำเนินการขึ้นอยู่กับรองปลัดกทม. วางแนวทางจัดการเฉพาะที่”

- Advertisement -