รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

SET Outlook & Strategy
SET Outlook
  คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวลดลง ถูกกดดันจาก ศบค.เตรียมประกาศ lockdown ตลาดหุ้นต่างประเทศกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

สถานการณ์ Covid-19 ทั่วโลกเกิดการระบาดรอบใหม่ โดยเฉพาะเอเชีย ด้านไทยนั้น ตัวเลขพุ่งเกิน 7,000 คนเป็นวันแรกเมื่อวานนี้ ทำให้ ศบค.เตรียมประชุมวันนี้(9) เพื่อพิจารณาทำ partial lockdown รอบใหม่ มาตรการครั้งนี้น่าจะเข้มข้นเหมือน มี.ค.63 แต่น่าจะจำกัดเพียงจังหวัดที่มีการระบาดมาก ซึ่งจะรวม กทม. โดยดัชนีฯ ปรับตัวลงมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว 2.8% หากเทียบการ lock down ครั้งก่อนๆ

เราประเมินว่า ถ้ากำหนดที่ 14 วัน ดัชนีฯมีโอกาสลงลึกสุดในกรอบ 1500-30 จุด อย่างไรก็ตาม หากหลังการประกาศใช้มาตรการนี้ไปแล้ว หากตัวเลขติดเชื้อน้อยลง นักลงทุนมักจะกลับมาซื้อหุ้นที่ไม่ได้ถูกกระทบทางตรง ส่งผลให้ดัชนีฯมีโอกาสดีดตัวกลับหลังจากนี้ได้

ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลก(สหรัฐฯ) ชะลอตัว กลับมาอีกครั้งหลังตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกกลับมาเพิ่มขึ้น (ล่าสุด ผู้ตืดเชื้อ/เสียชีวิต อยู่ที่ 185.3 ล้านคน / 4.0 ล้านคน) ส่งผลให้นักลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยง (หุ้น) และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ อาทิ พันธบัตร และทองคำ เป็นปัจจัยลบตัวหลักๆ ที่กดดัชนี Dow Jones ปรับตัวลงแรงคืนที่ผ่านมา (ปิดที่ 34,421/ -259 จุด) กระทบตลาดเอเชียเช้าวันนี้ด้วย …

ตัวแปรอื่นๆ ราคาน้ำมันดิบ Brent ทรงตัวที่ $74 ส่วนหนึ่งมาจาก OPEC+ ยังตกลงเรื่องการผลิตไม่ได้ เรามองว่า ความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว จะเริ่มกระทบราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หุ้นกลุ่มเสี่ยงจะเป็นผู้ผลิตน้ำมัน-ปิโตรเคมี … ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เงินเฟ้อของจีน (คาด 1.3% ; เดือนก่อน 1.3%)

Strategy
ดัชนีฯ มีโอกาสลงต่อไปอยู่ในโซน 1500-1530 จุด หุ้นที่ถูกกระทบตรงจากการ lockdown (ห้างฯ-โรงแรม-การบิน-การเดินทาง-ท่องเที่ยว) ยังคงต้องเลี่ยงไปก่อน ส่วนหุ้นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางตรง แต่ยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ ส่งออก(KCE, NER) อาหาร(ASIAN, RBF, TU) รถยนต์ (SAT) เรามองว่าหากราคาลงไปมากจะเป็นจังหวะในการเข้าซื้อ …

พอร์ตหุ้นวันนี้ ไม่มีหุ้นเข้าใหม่ แต่เราเลือกขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงหากตลาดปรับตัวลงแรง โดยนำ SICT ออก หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย CHG*(10%), ASIAN(10%), SYNEX(15%), SCGP(15%) และ IMH*(15%)
* เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์

Strategy Stock Pick
ASIAN: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 18.00 บาท) “หลบศึกโควิด-19 ภายในไปเลือกหุ้นที่อิงการส่งออก”
• ปรับพอร์ตโดยเลือกหุ้นที่อิงการส่งออกหรือมีรายได้จากต่างประเทศและได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท

• จับตาดูธุรกิจใหม่อย่าง Plant base และการขยายธุรกิจอาหารสัตว์ในจีน ซึ่ง 2 ส่วนนี้จะเป็น Upside ที่สำคัญต่อรายได้ในอนาคต

 • KTBST ประเมินกำไรปี 2021-2022 ที่ 868 ลบ. และ 933 ลบ. +6%YoY, +7.5%YoY ตามลำดับ

Technical : PSL, SINGER

Key Events
• 9 ก.ค.: ตัวเลขเงินเฟ้อของจีน

News Comment
( + / – ) หุ้นที่กระทบจากมาตรการใหม่ควบคุม COVID-19
( + ) ORI (ซื้อ/เป้า 13.00 บาท) มีแผน spin-off บจ.บริทาเนีย เข้าจดทะเบียนใน SET
( 0 ) PLANB (ซื้อ/เป้า 7.70 บาท) โตเกียวโอลิมปิก จัดแข่งขันแบบไม่มีผู้ชมในสนาม

Company Report
( + ) JWD (ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 16.50 บาท) กำไรปี 2021E จะดีขึ้นทุกไตรมาส จากทั้งธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่
( + ) DOHOME (ซื้อ/เป้า 35.00 บาท) เพิ่มทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง รองรับการเติบโตในอนาคต
( – ) PTG (ซื้อ/เป้า 25.00 บาท) คาดกำไร 2Q21E ลดลง จากค่าการตลาด, ปัจจัยฤดูกาล และ COVID-19
( 0 ) RS (ซื้อ/ปรับเป้าลงเป็น 25.00 บาท) กำไร 2Q21E ชะลอ จาก COVID-19, คาดเห็นการฟื้นตัวใน 2H21E

Economic Outlook
• ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเริ่มมีการขายทำกำไรหลังจากกังวลต่อการกลายพันธุ์โควิด-19 ประกอบกับระดับราคามีการปรับตัวขึ้นมาสูงในช่วงก่อนหน้า ทำให้ปัจจัยที่สนับสนุนการขยายตัวของตลาดในช่วงถัดไปคือผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ขณะที่ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานใหม่ในสหรัฐฯ รายงานเพิ่มขึ้นอีกครั้งสร้างความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน

• ธนาคารกลางสหภาพยุโรป ECB ปรับเป้าหมายเงินเฟ้อกลับมาอยู่ที่ระดับ 2% จากในช่วงก่อนหน้าที่ใช้ว่าอยู่ใกล้แต่ไม่เกิน 2% โดยยกเลิกการใช้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยในการพิจารณาเนื่องจากเป็นการสื่อสารต่อตลาดการเงินให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีท่าสนับสนุนการแก้ไขปัญหา Climate change ผ่านการใช้นโยบายการเงินในอีก 2 ปีข้างหน้า

What to Watch
ติดตามการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในประเทศจีน คาดว่ามีแนวโน้มขยายตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ตามทิศทางอัตราเงินเฟ้อโลกจากหมวด non-food ที่เติบโตขึ้นจากความต้องการสินค้าของผู้บริโภคส่งผลให้การขยายตัวของเงินเฟ้อจะต้องเริ่มมีการติดตามมากขึ้นหลังจากเริ่มเข้าใกล้ระดับ 2% แม้ว่าธนาคารกลางจีนจะเริ่มมีการทยอยลดสภาพคล่องในตลาดเงิน

SET Recap
SET ปิดที่ 1,543.67 จุด ลดลง 32.93 จุด (-2.09%) มูลค่าการซื้อขาย 110,954.67 ล้านบาท ปัจจัยต่างประเทศ Fed ระบุยังไม่พร้อมที่จะระบุให้ชัดเจนว่าจะมีการปรับลด QE เมื่อใด ปัจจัยภายในประเทศ ความกังวลมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของโควิด-19

- Advertisement -