รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์การลงทุน

คาด SET Index ผันผวน Downsideจำกัด
Top Pick เลือก COM7, LALIN และ NER

  ความรุนแรงของสถานการณ์ Covid-19 ในประเทศ เริ่มเปิด Downside ในทางปัจจัยพื้นฐานชัดเจนขึ้น โดยภาพรวมเศรษฐกิจ ธปท.ออกมาแสดงความกังวล และอาจเห็น GDP Growth ปี 2564 ที่ต่ำวก่า 1% ส่วนประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน แม้ฝ่ายวิจัยทำไว้แบบ Conservative โดยมีค่า EPS ปี 2564 ที่ 71.2 บาท/หุ้น เทียบกับ Consensus ที่กว่า 83 บาท/หุ้น แต่ก็ยังมองเห็น Downside ในบางกบุ่มอุตสาหกรรมเล็กน้อยเช่น รับเหมาฯ ศูนย์การค้า, ค้าปลีก, เกษตร-อาหาร เป็นต้น ส่วนประเด็นเรื่อง Vaccine ในประเทศที่มีการปรับสูตร และแนวทางการฉีดใหม่ อาจทำให้ Sinovac ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีการฉีดไปแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ล้านโดส ต้องมีการฉีดกระตุ้นเพิ่ม

SET Index ยังผันผวน แต่ Downside จำกัด พอร์ตจำลอง วันนี้ไม่มีการปรับเปลี่ยน โดยให้ถือครองเงินสดสำรอง 10% ส่วนหุ้นที่เป็น Top Pick เลือก COM7, LALIN และ NER

ประเด็นต่างประเทศ รอเงินเฟ้อสหรัฐ , แถลงประธาน Fed ประเมินไม่ได้มีผลต่อการเคลื่อนไหว SET index วันนี้อย่างมีนัย
ปัจจัยต่างประเทศเมื่อคืนนี้ เชื่อว่าคงไม่ได้มีผลต่อการการเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในวันนี้อย่างมีนัยยะประเมินแกว่งในกรอบ 1535-1565 จุด เพราะหากพิจารณาตลาดหุ้นต่างประเทศเมื่อวานนี้ นำโดยสหรัฐ และยุโรป ยังแกว่งตัวในกรอบ หรือ บวกเล็กน้อยเฉลี่ย 0.6% หลักๆตลาดยังรอ 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1.) อัตราเงินเฟ้อ สหรัฐ เดือน มิ.ย. และ ตัวเลขยอดการค้าของจีน เช้านี้ (ดังตาราง) 2.) 14-15 ก.ค. ประธาน Fed นาย Powell จะแถลงต่อสภาคองเกรส ตลาดคาดหวังว่าและให้น้ำหนักจะมีการส่งสัญญาณการใช้นโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น อาทิ รายละเอียดระยะเวลา QE Tapering ?? เป็นประเด็นที่ติดตาม

Downside GDP Growth ไทย ปี 64 มีโอกาสโตต่ำกว่า 1%yoy
ประมาณการณ์ GDP Growth ปี 2564 ที่สำนักเศรษฐกิจคาด 1.5-2%yoy ASPS ปัจจุบันคาด 1.7%yoy เกือบทั้งหมดยังไม่รวมผลกระทบจาก จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่งเหมือนในปัจจุบัน, การกลับมา Lockdown ที่เกิดขึ้น เดือน ก.ค.64 , การกระจายวัคซีนที่อาจล่าช้ากว่าเป้า โดยรวมอาจจะยืดเยื้อยาวนานกว่าคาด

ดังที่ ASPS นำเสนอก่อนหน้า คือ คาดจะเกิด Downside ต่อประมาณการ GDP ปี 2564 และเชื่อว่าจะเห็นสำนักเศรษฐกิจต่างๆทยอยปรับลดลง ล้วนเป็นปัจจัยกดดัน Fund Flow และตลาดหุ้นไทยอีก

ล่าสุด เริ่มจากเมื่อวานนี้ที่ประชุม Analyst meeting จัดโดย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) ประเมินปัจจัยสำคัญช่วงที่เหลือของปีนี้ที่จะส่งผลต่อประมาณการเศรษฐกิจดังนี้
• ปัจจัยลบ (-): การระบาดของ COVID-19, การท่องเที่ยวฟื้นตัวล่าช้า
• ปัจจัยบวก (+): การส่งออกขยายตัวตามเศรษฐกิจโลก, การกระจายวัคซีน, มาตรากรกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ

จากการประเมินข้างต้นของ ธปท. คาด GDP Growth ปี 2564 ล่าสุดอยู่ที่ 1.8%yoy แต่ประเมินจากปัจจัยลบและบวกดังกล่าว (Net) สุทธิ มีโอกาส GDP Growth ปี 2564 อาจจะขยายตัวต่ำกว่า 1% หรือลงมาเหลือราว 0.6%yoy

ASPS ประเมินว่เศรษฐกิจไทยแนวโน้มมีความเสี่ยงที่อาจจะถูกปรับ GDP ลงดังกล่าว ประเมินว่ารัฐบาลจะมีการเร่งออกมาตรการ 2 ส่วนสำคัญเพิ่มเติมจากปัจจุบัน คือ

▪ มาตรการคลัง (Fiscal Policy) ประเมินว่าจะมุ่งไปที่การบริโภคครัวเรือนเป็นหลัก โดยบ่ายวันนี้ ติดตามจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมจาก ครม.
▪ มาตรการการเงิน (Monetary Policy) ASPS คาด ธปท. ค่อนข้างแน่ชัดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำ 0.5% ต่อไปจนถึง 1H65 ซึ่งช่วยให้ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงประคองจากสภาพคล่องที่เข้ามาหล่อเลี้ยงอยู่

Downside กำไรบริษัทจดทะเบียน สำหรับ ASPS มีไม่มาก แต่ภาพรวมตลาดมีแน่
ประเด็น COVID-19 ที่ยืดเยื้อ ทำให้ต้องมีมาตการคุมเข้มเข้ามาป้องกันการแพร่ระบาด แต่ต้องแลกกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ช้าลง โดยเฉพาะในช่วง 3Q64 ที่จะทำให้เกิด Downside ต่อประมาณการ เบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯรวมรวมความเสี่ยงที่จะเกิดจากการปรับประมาณการลงเป็นราย Sector ดังนี้

6 ใน 10 ของประมาณการกำไร มาจาก 5 กลุ่มใหญ่สุด ซึ่งส่วนใหญ่จะมี Downside ต่อประมาณการไม่มาก ดังนี้

กลุ่มพลังงาน หุ้นโรงกลั่นและน้ำมันถูกกดดันจาก COVID-19 ในประเทศค่อนข้างจำกัดเนื่องจากสัดส่วนกำไรส่วนใหญ่อิงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก ส่วนหุ้นโรงไฟฟ้ากระทบจากการใช้ไฟฟ้าของโรงงานอุตสาหกรรมที่ลดลง หากมาตการ Lockdown ยังยืดเยื้อ

กลุ่มธ.พ. แม้ระยะสั้นยังไม่เห็น Downside ต่อประมาณการ แต่ยังมีความเสี่ยงหาก ธ.พ. แต่ละแห่งกลับมาตั้งสำรองสูงขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้าลงถือเป็นอีกส่วนที่กดดันการฟื้นตัวของกำไรกลุ่ม ธ.พ.

กลุ่มค้าปลีก จากมุมมองที่ช่วง 2Q64 น่าเป็นจุดต่ำสุด แต่มาตรการคุมเข้มที่ออกมามีโอกาสกดดันกำไรกลุ่มให้ลดลงต่อในงวด 3Q64 ได้

กลุ่มขนส่ง ปริมาณการเดินทางในช่วง 3Q64 มีโอกาสลดลง โดยเฉพาะเขตกรุงเทพและปริมลฑล หากมาตการคุมเข้มยังยืดเยื้อ ถือเป็น Downside เพิ่มเติม

กลุ่ม ICT ผลกระทบค่อนข้างจำกัด อีกทั้งกำไรช่วง 1H64 ยังคิดเกินกว่า 50% ของประมาณการที่ผ่านวิจัยฯทำไว้

อีก 40% ของประมาณการกำไร มีได้รับผลกระทบบ้างในบางกลุ่มฯ ดังนี้
กลุ่มรับเหมาฯ ได้รับผลกระทบโดยตรงตั้งแต่การออกมาตรการปิดแคมป์คนงานและปิดไซต์งานก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 64 เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน เนื่องจาก Backlog ของบริษัทรับเหมาก่อสร้างในตลาดหลักทรัพย์ มีสัดส่วนส่วนงานกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพ-ปริมณฑล คาดกระทบต่อประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีราว 10% กลุ่มเช่าซื้อ การ lock down ทำให้ผู้บริโภคออกนอกบ้านลดลง กดดันการขอสินเชื่อลดลงตามไปด้วย สอดคล้องกับสินเชื่อ ณ สิ้นงวด 2Q63 ของกลุ่มเช่าซื้อที่อ่อนตัวลง 1.1% qoq ที่มีช่วง Lock down ในช่วง ปลายมี.ค.-พ.ค. 63 ทั้งนี้ ในภาวะปกติสินเชื่อ

กลุ่มเช่าซื้อจะเติบโตเฉลี่ยราว 1-3% qoq ทำให้ฝ่ายวิจัยประเมินว่าสินเชื่อจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงชั่วคราวในงวด 3Q64 (ระยะเวลา Lock down สั้นกว่างวด 2Q63) คาดกระทบต่อประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีราว 5%

กลุ่มศูนย์การค้า ประกาศปิดศูนย์การค้า 15 สาขาในกรุงเทพและปริมณฑล ตั้งแต่ 12 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป โดยเบื้องต้นตามคำสั่งรัฐมีกำหนดปิด 14 วันและเปิดได้เฉพาะธุรกิจที่กำหนด ภาพรวมย่อมกดดันต่อผลประกอบการ 3Q64 อ่อนตัวลงจาก 2Q64 แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ปิดให้บริการ โดยหากปิด 14 วันตามกำหนด คาดผลที่เกิดขึ้นจะไม่หนักเท่างวด 2Q63 ที่ปิดไป 1.5 เดือน

กลุ่มเกษตร-อาหาร และถุงมือยาง สถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลกดูดีขึ้น ส่งผลให้ราคาขายถุงมือยางลดลงมากกว่าคาด โดยฝ่ายวิจัยฯคาดประเด็นดังกล่าว สร้าง Downside ต่อประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีของ STA STGT ราว 10-15% ส่วนกลุ่มเกษตร-อาหาร ราคาสุกรในจีนที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้ กำไรสุทธิของ CPFอ่อนตัวลงทั้ง QoQ และ YoY คาดสร้างDownside ต่อประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีของ CPF ราว 5%

สรุปในเบื้องต้นการ Lockdown ที่เกิดขึ้นน่าจะกระทบต่อประมาณการของฝ่ายวิจัย ASPS ไม่มากนัก โดยภาพรวมประเมิน EPS64F อยู่ที่ 71.2 บาท/หุ้น ในทางกลับกันการปรับประมาณการกำไรลงของ Consensus มีแน่ เนื่องจากมีการทยอยปรับขึ้นมาในช่วงหลังประกาศงบ 1Q64 และค้างไว้อยู่ที่ 83.6 บาท/หุ้น (สูงกว่าฝ่ายวิจัย ASPS ประเมินมาก)

ดังนั้นทั้งผลกระทบจาก COVID-19 ที่ฝ่ายวิจัย ASPS ประเมิน รวมถึง EPS Consensus ที่อยู่ในระดับสูง ล้วนเป็น Downside ต่อตลาดที่จะเกิดขึ้นในช่วง 3Q64 ที่นักลงทุนจะต้องเตรียมรับมือ

กลยุทธ์แนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวรับมือกับตลาดที่อยู่ในภาวะผันผวน แนะนำ LALIN, NER, COM7 เป็น Toppick ในวันนี้

- Advertisement -