บล.เอเชียพลัส:
แนสราบที่แข็งแรง หนุนต่อยอดขายและโอนฯ
ดีมาน์แนวราบที่แข็งแรง โดยเฉพาะบ้านระดับบน หนุน Presale 2Q64 อยู่ที่ 5.64 พันล้านบาท ทําให้ 1H64 มียอดสะสม 1.13 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 57% ของเป้าบริษัททั้งปี ภายใต้เปิด 2 โครงการ มูลค่า 2.3 พันล้านบาท ขณะที่ 2H64 ยังเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ตามแผน 8 โครงการ มูลค่า 1.08 หมื่นล้าน บาท คาดเป็นปัจจัยขับเคลื่อนยอดขายสู่เป้าปีน้ีได้ไม่ยาก
2Q64 คาดกําไรปกติ 516 ล้านบาท เติบโต 24% qoq หนุนจากยอดโอนฯ แนวราบเป็นหลัก ขณะที่ 2H64 ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง รองรับด้วย Backlog แนวราบสิ้น 2Q64 ที่คาดรอส่งมอบอีกกว่า 4 พันล้านบาท รวมถึงแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่หลายโครงการ คงแนะนําซื้อ FV 3.38 บาท ราคามี PBV 0.65 เท่า และคาด Div Yield น่าสนใจระดับ 5.5%
Presale 1H64 คิดเป็น 57% ของเป้าบริษัทปีน้ีท่ี 2 หมื่นล้านบาท
ยอด Presale รวม 2Q64 ประเมินอยู่ท่ี 5.64 พันล้านบาท แม้ลดลง 9% yoy และ 1% QoQ แต่ถือเป็นตัวเลขท่ีน่าพอใจ เนื่องจากเป็นระดับท่ีสูงสุดรายไตรมาสเป็นอันดับ 3 ของ บริษัท (รองจาก 2Q63 ที่สูงสุด 6.22 พันล้านบาท และ 1Q64 ท่ี 5.7 พันล้านบาท) โดยแรงขับเคลื่อนหลักของยอดขายสัดส่วน 85% หรือ 4.79 พันล้านบาท มาจากยอดขาย โครงการแนวราบที่ดีต่อเนื่อง (+5% qoq) สะท้อนถึงดีมานด์แนวราบยังแข็งแรง โดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับบน และตอกย้ำการเป็นผู้นําของบ้านแนวราบตลาดบนของ SC เป็นอย่างดี เห็นได้จากการเปิดโครงการใหม่ 1 โครงการแนวราบ ใน 2Q64 คือ Bangkok Boulevard Signature เพชรเกษม-ปิ่นเกล้า มูลค่า 1.3 พันล้านบาท ทํายอดขายได้ 34% สําหรับยอดขายคอนโดฯ 2Q64 คาดไว้ 846 ล้านบาท (+46% yoy,-26% qoq) ส่วนใหญ่ ราว 800 ล้านบาท มาจากการขายสต๊อกโครงการคอนโดฯเดิมเป็นหลัก และที่เหลือมาจากยอดขายโครงการใหม่ท่ีเปิดตัวต้ังแต่ 4Q63-1Q64 อย่าง The Crest ลาดพร้าว และ SCOPE พร้อมศรี
ภาพรวม 1H64 มียอด Presale สะสม 1.13 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 9.35 พันล้าน บาท และคอนโดฯ 1.98 พันล้านบาท โดยคิดเป็นสัดส่วน 56.7% ของเป้าบริษัทปีนี้ท่ี 2 หมื่นล้านบาท และ 60% ของประมาณการฝ่ายวิจัยท่ี 1.9 หมื่นล้านบาท ด้านแผนเปิดการขายโครงการใหม่ 1H64 มีเพียง 2 โครงการ มูลค่า 2.3 พันล้านบาท เป็นแนวราบ 1 โครงการข้างต้น และคอนโดฯ SCORE พร้อมศรี มูลค่า 1 พันล้านบาท (มียอดขาย 34%)
สําหรับคําสั่งของภาครัฐในการปิดแคมป์คนงาน 1 เดือน คาดไม่กระทบต่อแผนการขายและโอนฯ ของ SC เนื่องจาก 2H64 บริษัทไม่มีกําหนดส่งมอบคอนโดฯใหม่ โดยปัจจุบันมีสต๊อกคอนโดฯ พร้อมโอนฯ 6 พันล้านบาท ขณะท่ีแนวราบมีสต๊อกสินค้าท่ีก่อสร้างเสร็จ และพอรับรู้รายได้คิดเป็นมูลค่า 2 พันล้านบาท นอกจากน้ีการวางแผนและเตรียมก่อสร้างอย่างรัดกุมช่วงท่ีผ่านมา ทําให้บริษัทมีความพร้อมในการเปิดโครงการใหม่ 2H64 ตามแผนเดิมท่ีเหลืออีก 8 โครงการ มูลค่า 1.08 หมื่นล้านบาท ในส่วนน้ีเป็นคอนโดฯ 1 โครงการ คือ Centric วงเวียนใหญ่ มูลค่า 3.6 พันล้านบาทใน 4Q64 ซึ่งจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนต่อยอด Presale สู่เป้าหมายทั้งปีได้ไม่ยาก
คาดกําไรปกติ 2Q64 โต 24% qoq เท่ากับ 516 ล้านบาท
แม้ยอดขายแนวราบที่สูงใน 2Q64 แต่โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเดือน พ.ค. และ มิ.ย. และเป็นยอดขายจากบ้านกลุ่มราคาระดับบนเป็นหลัก ซึ่งมีดีมานด์จํานวนมากกว่า ความสามารถในการก่อสร้างระยะสั้น (ปกติบ้าน Hi-End กลุ่มแบรนด์ Gran Boulevard, Bangkok Boulevar และ The Gentry ฯลฯ ใช้เวลาก่อสร้างราว 8 เดือน) ทําให้ยอดขายแนวราบจึงไม่สามารถแปลงเป็นยอดโอนฯ ทั้งหมดได้ภายในไตรมาสเดียวกัน ส่งผลให้การรับรู้รายได้ขายโครงการแนวราบ 2Q64 คาดอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท (+8% qoq) ส่วนใหญ่มาจาก Backlog แนวราบสิ้น 1Q64 ที่รอส่งมอบ 3.4 พันล้านบาท เมื่อบวกกับยอดโอนฯ คอนโดฯ คาด 940 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขายสต๊อกพร้อมอยู่ และ Backlog ท่ีเหลือโอนฯ จากโครงการเดิม ทําให้คาดรายได้ขายอสังหาฯ รวม เท่ากับ 4.44 พันล้านบาท (+19% qoq,+2% yoy)
ด้าน Gross Margin ขายฯ ประเมินไว้ 29% ลดลงเล็กน้อยจาก 29.3% งวดก่อน และ 29.6% งวดปีก่อน จากสัดส่วนโอนฯ คอนโดฯ ที่สูงขึ้น และมาร์จิ้นคอนโดฯ มีแรงกดดันจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ส่วน SG&A/Sales คาดใกล้เคียงวดปีก่อนที่ 16% (ลดลงจาก 17.2% งวดก่อน ตามฐานรายได้สูงขึ้น และคุมค่าใช้จ่ายขายโดยเฉพาะ การตลาด เนื่องจากทําตลาดผ่านออนไลน์มากขึ้น) โดยรวมกําไรปกติ 2Q64 จะอยู่ที่ 516 ล้านบาท เพ่ิมข้ึน 24% qoq แต่ลดลง 4.5% yoy จากมาร์จิ้นเป็นหลัก
แนะนําซื้อ….PBV 0.65 เท่า และ Div Yield 5.5%
คงระดับ PER 8 เท่า และ FV ปี 2564 เท่ากับ 3.38 บาท แนะนําซื้อ โดยผลประกอบการ 2H64 ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องหนุนจาก Backlog แนวราบสิ้น 2Q64 ที่จะรอส่งมอบอีก กว่า 4 พันล้านบาท รวมถึงแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่จํานวนมากข้างต้น ด้าน Valuation มี PBV 0.65 เท่า พร้อมคาด Div Yield น่าสนใจระดับ 5.5%
ประเด็นความเสี่ยง
1.ระดับการแข่งขันในอุตสาหกรรมรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง อาจทําให้ การควบคุมเรื่องประสิทธิภาพการทํากําไรทําได้ยากข้ึน
2.ตัวแปรสําคัญท่ีมีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้แก่ ความ เชื่อมั่นต่อการสร้างรายได้ในอนาคตของผู้ซื้อ หากการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจไม่เป็นไปตามท่ีคาด ก็จะกระทบความเช่ือมั่นของผู้บริโภค และนํามาสู่การชะลอการตัดสินใจซื้อท่ีอยู่อาศัย
แนะนํา : ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท) 3.08
ราคาเป้าหมาย (บาท) 3.38 Upside (%) 9.90
Dividend Yield (%) 5.50