บล.เอเชีย เวลท์:
บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
- คาดกำไรสุทธิ 2Q64 อยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท พลิกจากผลขาดทุน 2Q63
- กำไรฟื้นตัวมาจาก กำลังผลิตเพิ่ม Market GIM ฟื้น
- ภาพรวมปิโตรเคมี 2H64 ยังถูกกดันจากอุปทานใหม่ที่เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าค่าการกลั่นจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- ปรับประมาณการกำไรปี 64-65 เพิ่ม เพื่อสะท้อน margin ที่ฟื้นตัว
- แนะนำเป็น “ซื้อ” หลังราคาหุ้นปรับลงกว่า 8.3% ในรอบเดือน
คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ลดลง 20%QoQ แต่พลิกจากผลขาดทุนใน 2Q63
เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 2Q64 อยู่ที่ 4.46 พันล้านบาท ลดลง 20%QoQ แต่พลิกจากผลขาดทุน 411 ล้านบาทใน 2Q63 ผลประกอบการพลิกกลับมาเป็นกำไรอีกครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากส่วนต่างราคาทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมีท่ีเพิ่มขึ้น แต่ผลประกอบการยังคงปรับลดลง QoQ เป็นผลมาจากการรับรู้ Stock gain ที่ลดลง โดยเราคาดว่าบริษัทจะมี Stock gain ใน 2Q64 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับ 5 พันล้านบาท ใน 1Q64 ท่ีผ่านมา ขณะท่ีกำไรปกติ 2Q64 มีผลกำไรไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน และเพิ่มข้ึนท้ัง QoQ และ YoY โดยเราคาดว่าบริษัทจะมี Market GIM อยู่ท่ี 15 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 8.46 เหรียญต่อบาร์เรล และ 13.7 เหรียญต่อบาร์เรลใน 2Q63 และ 1Q64 กำไรปกติ 2Q64 ที่แข็งแกร่งเป็นผลมาจาก (1) กำลังกลั่นรวมที่ไม่น้อยกว่า 194,000 บาร์เรล เพิ่มขึ้น 4%QoQ เนื่องจากไม่มีปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเหมือน 1Q64 (2) ธุรกิจปิโตรเลียม ยังคงแข็งค่า จากค่าการกลั่นผลิตภัณฑ์สำคัญอย่าง น้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน ยังปรับเพิ่มขึ้น แต่ Market GRM ยังมีปัจจัยจำกัด การฟื้นตัวจากต้นทุนน้ำมันดิบท่ีเพิ่มขึ้นตาม Crude Premium ท่ีปรับเพิ่ม (3) ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานยังมีส่วนต่างราคาท่ีแข็งแกร่ง และปรับเพิ่มทั้ง QoQ และ YoY และ (4) ธุรกิจปิโตรเคมีแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มสไตรีนิคส์ โดย กลุ่มโอเลฟินส์มีส่วนต่างราคา HDPE เพิ่มขึ้น 11%QoQ กลุ่มอะโรเมติกส์มีส่วนต่างราคาของ TU และ MX เพิ่มขึ้น 71%QoQ และ 49%QoQ ตามลำดับ และกลุ่มสไตรีนิคส์ ส่วนต่างราคา SM และ ABS เพิ่มขึ้น 23%QoQ และ 7%YoY
กำลังผลิตใหม่ กดดัน Spread ปิโตรเคมี แต่เช่ือว่าค่าการกลั่นแข็งแกร่ง
ธุรกิจปิโตรเคมี จะมีผลกระทบจากกำลังผลิตใหม่ที่ทยอยเริ่มดำเนินการผลิตในช่วง 2H64 ทั้งอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ ประมาณ 2-4 ล้านตัน อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าความกังวลดังกล่าวสะท้อนไปในส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่เริ่มอ่อนตัวลดลงตั้งแต่ปลาย 2Q64 และต่อเนื่องถึงต้น ก.ค. ทำให้เราเชื่อว่า Downside เริ่มจำกัด ขณะที่เรายังคงมุมมองท่ีเป็นบวกต่อธุรกิจปิโตรเลียม โดยเราคาดว่า ค่าการกลั่นจะกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้จะมีปัจจัยกดดันจาก Crude Premium ที่เพิ่มขึ้น แต่ความต้องการใช้น้ำมันดิบเบนซินและดีเซลที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่กลับมาฟื้นตัว ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก จะยิ่งทำให้เกิดความ ต้องการใช้น้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2564 เป็นปัจจัยบวกต่อค่าการกลั่น
ปรับกำไรปกติปี 64-65 เพิ่ม เพื่อสะท้อน margin ท่ีฟื้นตัว
เราปรับเพิ่มกำไรปกติปี 2564 เป็น 8.5 พันล้านบาท (ไม่รวมผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนและ Stock) กำไรปกติปี 2564 พลิกจากผลขาดทุน 6.15 พันล้านบาท ในปี 2563 เพื่อสะท้อนราคาน้ำมันดิบ และส่วนต่างราคาในช่วง 6M64 ท่ีฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและเร็วกว่าที่คาด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจบางส่วนของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลบวกต่อความต้องการใช้ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม ภาพรวมใน 2H64 เราคาดว่าการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเลียมในช่วง 2H64 จะเป็นปัจจัยชดเชยธุรกิจปิโตรเคมี ที่คาดว่าจะมีส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนแอลง ซึ่งหากประมาณการผลประกอบการ 2Q64 เป็นไปตามที่เราคาด กำไรปกติ 6M64 จะคิดเป็น 38% กำไรสุทธิปี 2564 หลังปรับประมาณการ นอกจากนี้เราปรับกำไรปกติปี 2565 เพิ่มมาอยู่ที่ 8.5 พันล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2564
ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.6 บาท
ราคาหุ้นปรับลดลงกว่า 8.3% ในรอบ 1 เดือนท่ีผ่านมา จนทำให้ราคาหุ้นกลับมามี Upside เพียงพอสาหรับการลงทุน ทำให้เราปรับคำแนะนำจาก “เก็งกำไร” มาเป็น “ซื้อ” เราให้ราคาเป้าหมายของ IRPC ไว้ที่ 4.6 บาท (เดิม 4.2 บาท) โดยปรับใช้ราคาเป้าหมายของปี 2565 และปรับวิธีการประเมินราคาเป้าหมายจาก PBV เป็น EV/EBITDA
BUY
12M TP: Bt4.60
Closing price: Bt3.7
Upside/downside +24.32%