บล.เอเชียเวลท์: สถานการณ์โควิด-19 รุนแรง กดดัน SET

Investment Ideas:

  • ภาพรวมการลงทุน – เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (19-23 ก.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,535-1,605 จุด SET ยังคงมี Downside ต่อเนื่อง จากความเป็นไปได้ในการยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด โควิด-19 ซึ่งจะทำให้โอกาสในการที่ SET จะผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,580 จุด เป็นไปได้ยากในระยะสั้น กลยุทธ์การลงทุน เรายังแนะนำหุ้นท่ียังได้ Sentiment เชิงบวก ในลักษณะ Selective หุ้นท่ีได้ประโยชน์ จากค่าเงินบาทอ่อนค่า หุ้นในกลุ่ม Logistic และหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล สัปดาห์นี้ประเด็นที่ต้องติดตาม อยู่ที่ (1) สถานการณ์โควิด-19 โดยในประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิก (23 ก.ค.) ในช่วงปลายสัปดาห์น้ี รวมถึงการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศหลังผู้ติดเชื้อในช่วงวันหยุดที่ ผ่านมา เกินหลัก 1 หมื่นรายต่อวัน ทำสถิติใหม่ (2) จะมีการประชุม BoJ (21 ก.ค.) และการประชุม ECB (22 ก.ค.) โดยเรายังคงคาดหมายการใช้นโยบายทางการเงินเชิงผ่อนคลายที่ต่อเนื่อง และ (3) สถานการณ์การค้าโลก หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านกฎหมาย ห้ามนำเข้าสินค้าจากมณฑลซินเจียงจากกรณีด้านสิทธิมนุษยชน
  • ศปก. ศบค. เตรียมเสนอระดับมาตรการ ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล (งดการเดินทาง และ Work from home 100%) คาดว่า ศปก. ศบค. จะเสนอ ศบค. ชุดใหญ่ – เรามองว่าจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ที่ยังมีจานวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเกินกว่าระดับ 1 หมื่นราย และสูงกว่าเมื่อเทียบกับจานวนผู้ป่วยหายกลับบ้าน ขณะท่ีจานวนผู้ป่วยหนักยังคงปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในทิศทางเดียวกับจานวนผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ทำให้เรามองเป็น Sentiment เชิงลบต่อภาพรวมการลงทุนในสัปดาห์นี้ (19-23 ก.ค.) รวมไปถึงสถานการณ์ โควิด-19 ในประเทศที่ยังไม่คลี่คลายจะยิ่งทำให้ประมาณการ GDP ของไทยในปี 2564 มี Downside แม้ก่อนหน้าน้ี BoT จะปรับลดประมาณการจาก 3.0%YoY เหลือ 1.8%YoY / คาแนะนำ เรามองเป็นบวกต่อ – หุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการ WFH ที่เพิ่มขึ้น เราเลือก ADVANC TRUE JAS ITEL INSET NETBAY YGG และ AS หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล เราเลือก TM SMD BCH BDMS และ CHG และหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า เราเลือก STA ASIAN TU HANA KCE SAT AH MEGA NER EPG CBG และ SMPC ขณะที่เรามองเป็นลบต่อ – หุ้นในกลุ่มธนาคาร กลุ่มขนส่ง (BEM DMT และ BTS) หุ้นในกลุ่มพลังงาน (OR SUSCO และ PTG) และหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับ Re-Opening รวมทั้งหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเท่ียว (หุ้นที่เก่ียวกับการบินและโรงแรม)
  • Goldman Sachs ปรับลด GDP อาเซียน สะท้อนสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรง – Goldman Sachs ปรับ ลดประมาณการ GDP ของกลุ่มอาเซียลง 5 ชาติ รวมทั้งไทย ตามมุมมองของเราที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ โดยปรับลดประมาณการ GDP ของไทยในปี 2564 เหลือ 1.4% (เดิม 2.1%) โดยไทยเป็นประเทศท่ีอัตราการขยายตัว ต่าสุดจากสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรง โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ขณะท่ีการดาเนินการฉีดวัคซีน (ที่มา: เว็บไซต์ Our World in Data) ระบุ สิงค์โปร์เป็นประเทศที่มีการดำเนินการฉีดวัคซีนเร็วที่สุดในโลก โดยปัจจุบันมีประชากรกว่า 41% ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ด้านมาเลเซียอยู่ที่ 12.4% ขณะที่อิโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ รวมทั้งไทย มีสัดส่วนประชากรที่ฉีดวัคซีนครบโดสไม่ถึง 5% นอกจากไทยแล้ว Goldman Sachs ปรับลดประมาณการ GDP ของอินโดนีเซีย เหลือ 3.4% (เดิม 5.0%) มาเลเซีย เหลือ 4.9% (เดิม 6.2%) ฟิลิปปินส์ เหลือ 4.4% (เดิม 5.8%) และ สิงคโปร์ เหลือ 6.8% (เดิม 7.1%)
  • Company Update: BCH (ซื้อ., ราคาเป้าหมาย 29 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ทำสถิติ New High – คาดกำไรสุทธิ 2Q64 เติบโต YoY และ QoQ ทำสถิติ New High รายได้เติบโต YoY และ QoQ หนุนจากบริการเกี่ยวกับ COVID-19 แนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q64 เราเชื่อว่าจะเป็น New High จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 เพิ่มขึ้นสะท้อนสถานการณ์ COVID-19 ท่ียังไม่คลี่คลาย กรณี Rapid Antigen Test คาดกระทบจำกัด เพราะต้องตรวจ RT-PCR ยืนยันผลอีกครั้ง แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 29.00 บาท
  • Company Update: BDMS (ซื้อ., ราคาเป้าหมาย 27 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q64 แข็งแกร่ง ขณะที่ 2H64 เติบโตต่อเนื่อง – คาดกำไรสุทธิ 2Q64 เพิ่มขึ้น 214%YoY และ 7%QoQ รายได้ผู้ป่วยชาวไทยและรายได้ บริการเกี่ยวกับ COVID-19 ยังเป็นปัจจัยหนุนรายได้รวม 2Q64 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ เราคาดว่า ผลประกอบการ 2H64 มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยเฉพาะ 3Q64 ที่เป็น High season และจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ ในระดับสูง เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ลง สะท้อนความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่า คาด แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 27.00 บาท อิงวิธี DCF
  • Company Update: IRPC (ซื้อ.,ราคาเป้าหมาย 4.6 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q64 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี – คาดกำไร สุทธิ 2Q64 ลดลง 20%QoQ แต่พลิกจากผลขาดทุนใน 2Q63 กำลังผลิตเพิ่ม + Market GIM ฟื้น ปัจจัยหนุนจากส่วนต่างราคาในธุรกิจปิโตรเคมี ภาพรวมปิโตรเคมี 2H64 ยังถูกกดดันจากอุปทานใหม่ที่เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าค่าการกลั่นจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปรับประมาณการกำไรปี 64-65 เพิ่ม เพื่อสะท้อน margin ที่ฟื้นตัว แนะนำเป็น “ซื้อ” หลังราคาหุ้นปรับลงกว่า 8.3% ในรอบเดือน ราคาเป้าหมาย 4.6 บาท
  • บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน – Company Update: BCH BDMS และ IRPC
  • มุมมองทางเทคนิค – เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,555-1,590 จุด หุ้นแนะนาทางเทคนิควันนี้ได้แก่ NSL MTC SOLAR WHAUP และ AP

CORE INVESTMENT

  1. หุ้นโรงพยาบาล (ซื้อขายระยะสั้น 1 เดือน) เราเลือก TM SMD BCH BDMS และ CHG
  2. WFH เราเลือก (ซื้อขายระยะสั้น 1 เดือน) ADVANC TRUE JAS ITEL INSET NETBAY YGG และ AS
  3. หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า (ซื้อขายระยะกลาง 1-3 เดือน) เราเลือก ASIAN TU HANA KCE SAT AH PACO MEGA NER EPG CBG และ SMPC
  4. หุ้นที่ประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น (ซื้อขายระยะกลาง 1-3 เดือน) เราเลือก SONIC JWD WICE และ NYT
  5. หุ้นสะสมระยะยาว (DCA) (ซื้อขายระยะยาว มากกว่า 1 ปี) เราเลือก AOT BEM ADVANC WHA LH CPALL CPF BDMS HMPRO BBL และ KTB
- Advertisement -