บล.เอเซียพลัส:

แนวราบหนุนกําไร 2Q64 ยืนระดับสูงได้

งวด 2Q64 คาดกําไรปกติ 1.1 พันล้านบาท แม้ลดลง 9% yoy จากฐานสูงปีก่อน แต่ระดับกําไรยังนับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติก่อนช่วงเกิด COVID โดยแรงหนุนจากยอดขายแนวราบที่แข็งแรง และ Backlog แนวราบจากสิ้น 1Q64 รอส่งมอบกว่า 7 พันล้านบาท หนุนให้ยอดโอนฯ ของบริษัทสูง 7.9 พันล้านบาท และทําให้กําไรปกติ 1H64 จะอยู่ท่ี 2.4 พันล้านบาท (+31% yoy)

ภาพธุรกิจ 1H64 ที่มีแนวโน้มดีกว่าคาด หนุนจากยอดขายแนวราบท่ีแข็งแกร่ง และการโอนฯ คอนโดฯ ใหม่ตามแผน จึงปรับเพิ่มกําไรปกติปี 2564 ขึ้นจากเดิม 9% เป็น 4.25 พันล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน และ FV ใหม่ปีน้ีเพิ่มเป็น 10.80 บาท (อิง PER 8 เท่า) แนะนําซื้อ ราคาหุ้นมี PER ซื้อขายเพียง 6 เท่า พร้อม คาด Div Yield ราว 6% ต่อปี

คาดกําไรปกติ 2Q64 ยืนสูง 1.1 พันล้านบาท มีแรงหนุนจากแนวราบ

งวด 2Q64 คาดกําไรปกติ 1.1 พันล้านบาท แม้ลดลง 9% yoy และ 15% qoq จาก ฐานที่สูง แต่ระดับกําไร 2Q64 ยังถือสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติก่อนช่วง Covid โดยประเมินการบันทึกรายได้ขายอสังหาฯ 7.9 พันล้านบาท หนุนจากยอดโอนฯ แนวราบ 7.5 พันล้านบาท ส่วนหน่ึงมา Backlog แนวราบส้ิน 1Q64 ท่ีรอส่งมอบกว่า 7 พันล้านบาท ขณะที่ยอดโอนฯ คอนโดฯ คาด 400 ล้านบาท จากการขายโอนฯ สต๊อกโครงการเดิมทั้งหมด ด้าน Gross Margin ขายฯ ประเมิน 31% ลดลงเล็กน้อยจาก 31.5% งวดก่อน จากแนวราบท่ีมีมาร์จิ้นต่ำกว่าคอนโดฯ มีสัดส่วนรายได้สูงข้ึน แต่ดีข้ึนจากเฉลี่ย 28.3% งวด 2Q63 ซึ่งใช้กลยุทธ์ด้านราคาท้ังแนวราบและคอนโดฯ ทั้งน้ีแม้ 2Q64 เริ่มส่งมอบ คอนโดฯ JV ใหม่ Life Asoke-Hype มูลค่า 5.8 พันล้านบาท (มียอดขาย 70%) แต่เกิดขึ้นช่วงปลายไตรมาส ทําให้ยอดโอนฯ ยังมีไม่มาก จึงคาดส่วนแบ่งกําไรบริษัทร่วมใกล้เคียงงวดก่อนที่ 171ล้านบาท (ลดลงจาก 664 ล้านบาทงวด 2Q63 ท่ีมีการส่งมอบ Life ลาดพร้าว เต็มไตรมาส และมีมูลค่าโครการขนาดใหญ่ 8 พันล้านบาท)

โดย 1H64 คาดการณ์กําไรปกติ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% yoy และคิดเป็น สัดส่วน 62% ของประมาณการกำไรท้ังปีเดิม

ปรับเพิ่มกําไรปกติปีน้ีจากเดิม 9% เป็น 4.25 พันล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน

ภาพธุรกิจ 1H64 ที่มีแนวโน้มดีกว่าคาด หนุนจากยอดขายแนวราบที่แข็งแกร่ง และ การโอนฯ คอนโดฯ ตามแผน ทําให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการปี 2564 โดย

  1. ปรับเพิ่มยอด Presale ปีนี้จากเดิม 3.48 หมื่นล้านบาทเป็น 3.7 หมื่นล้าน บาท ภายหลัง 1H64 ทําได้แล้ว 1.78 หมื่นล้านบาท (+18% yoy) ภายใต้แผนเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 4.06 พันล้านบาท ขณะที่ 2H64 มีกําหนดเปิดโครงการใหม่จํานวน 26 โครงการ มูลค่า 3.34 หมื่นล้านบาท โดยเป็นแนวราบ 22 โครงการ มูลค่า 2.04 หมื่นล้านบาท และคอนโดฯ 4 โครงการ มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท โดย 2 โครงการ ได้แก่ Aspire รัตนาธิเบศร์ มูลค่า 1.6 พันล้านบาท และ Life พระราม 4-อโศก (JV) มูลค่า 6.7 พันล้านบาท เตรียมเปิด ก.ย. นี้ ส่วนอีก 2 โครงการ คือ Aspire ปิ่นเกล้า-อรุณอัมริมทร์ มูลค่า 1.2 พันล้านบาท และ Life ลาดพร้าว สเตชั่น (JV) มูลค่า 3.5 พันล้าน บาท กําหนดเปิด พ.ย. 2564 คาดช่วยสนับสนุนต่อยอดขายแนวราบและคอนโดฯ สูงข้ึน เบื้องต้นประเมินยอดขายคอนโดฯ ใหม่เฉลี่ย 15-20%
  2. ปรับการรับรู้รายได้ขายอสังหาฯ เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 6% อยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 3 หมื่นล้านบาท และคอนโดฯ 2 พันล้านบาท โดยคาด Backlog สิ้น 2Q64 (หลังหักยอดโอนฯ 2Q64) ของบริษัทเองที่จะรอรับรู้รายได้ 2H64 รวมทั้งสิ้นกว่า 9 พันล้านบาท หากรวมกับคาดการณ์ยอดโอนฯ 1H64 นับว่ารองรับเป้าโอนฯ ปีนี้สัดส่วน 82%
  3. ปรับลด SGA/Sales จากเดิม 21% เหลือ 20% ตามฐานรายได้สูงข้ึน

ภาพรวมกําไรปกติปี 2564 เพิ่มขึ้นจากเดิม 9% เท่ากับ 4.25 พันล้านบาท (หากรวมรายได้ขายที่ดินจากภาระจํายอม ซึ่งเป็นรายการไม่ได้เกิดขึ้นประจํางวด 1Q64 ราว 103 ล้านบาท มีกําไรสุทธิเท่ากับ 4.35 พันล้านบาท) ใกล้เคียงงวดปีก่อน สําหรับแนวโน้ม 2H64 มีแรงหนุนจากโครงการแนวราบที่ยังมี Backlog ที่จะรอรับรู้รายได้ 2H64 อีกราว 9 พันล้านบาท (ส่วนใหญ่คาดโอนฯ 3Q64) รวมถึงการขายและโอนฯ แนวราบใหม่ที่จะเปิดตัวจํานวนมากในช่วงครึ่งหลัง ขณะที่คอนโดฯ จะมีการส่งมอบมากขึ้นของโครงการ Life Asoke-Hype และอีก 1 โครงการใหม่ Life Ladprao- Valley มูลค่า 6.5 พันล้าบาท (ยอดขาย 70%) ในการช่วยสนับสนุนต่อการรับรู้ส่วนแบ่งกําไรบริษัทสูงขึ้น

แนะนําซื้อ….FV ใหม่เพิ่มเป็น 10.80 บาท

กําหนด PER 8 เท่า ได้มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2564 เพิ่มเป็น 10.8 บาท (เดิม 9.90) มี upside 32% ด้านราคาหุ้นมี PER ซื้อขายเพียง 6 เท่า และ PBV 0.8 เท่า บวกกับคาดหมาย Div Yield 6% (จ่ายปีละคร้ัง) คงคําแนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 8.10

ราคาเป้าหมาย (บาท) 10.80

Upside (%) 33.35

Dividend Yield (%) 6.00

ประเด็นความเสี่ยง

1.ตัวแปรสําคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อท่ีอยู่อาศัยได้แก่ ความ เชื่อมั่นต่อการสร้างรายได้ในอนาคตของผู้ซื้อ หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาด ก็จะกระทบความเช่ือมั่นของผู้บริโภคในการตัดสินซื้อโครงการ ส่งผลให้ยอดขายและยอดโอนไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้

2.ระดับการแข่งขันในอุตสาหกรรมรุนแรงข้ึนต่อเนื่อง อาจทําให้การควบคุมเรื่องประสิทธิภาพการทํากําไรทําได้ยากข้ึน

- Advertisement -