บล.เอเชียเวลท์:

บมจ. จีเอฟพีที (GFPT) คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ฟื้นตัว QoQ และมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง

  • คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ฟื้นตัว QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้น และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรท่ีเพิ่มขึ้น
  • ด้านปริมาณการส่งออกยังทรงตัว QoQ จากผลของ COVID-19
  • แต่กำไรสุทธิ 2Q64 ลดลง YoY จากราคาต้นทุนผลิตที่เพิ่มขึ้น
  • ยังมีปัจจัยบวกจากภาคการส่งออกของไทยท่ีขยายตัว และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยหนุน
  • เราคาดว่า ผลประกอบการ 2H64 จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามแผน และการคาดหมายอัตรากำไรท่ีดีขึ้น
  • ยังมี Sentiment เชิงบวก หนุนราคาหุ้นแนะนำ “เก็งกำไร”

คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ฟื้นตัว QoQ

เราคาดกำไรสุทธิ 2Q64 อยู่ที่ 142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134%QoQ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการทำกำไรขั้นต้น และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเราคาดว่าอัตรากำไรขั้น 2Q64 จะอยู่ที่ 10.4% เพิ่มขึ้นจาก 9.5% ในช่วง 1Q64 ขณะที่ส่วนแบ่ง กำไรจากเงินลงทุนเราคาดว่าจะอยู่ที่ 75 ล้านบาท มาจากผลประกอบการของ McKey (อาหารกึ่งสาเร็จรูปแช่แข็งเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ) ท่ีเพิ่มขึ้น รวมทั้งผลขาดทุนจาก GFN (ไก่สดแช่แข็ง เนื้อไก่แปรรูป และผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อไก่) ท่ีลดลง ปัจจัยบวกดังกล่าวเพียงพอชดเชยปริมาณการส่งออกที่ทรงตัว QoQ จากดีมานด์ที่ยังชะลอตัวจาก การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งยุโรป ญี่ปุ่นและจีน อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิ 2Q64 ยังคงลดลง 36%YoY เป็นผลมาจากราคาต้นทุนวัตถุดิบ (ราคาข้าวโพดและกากถั่วเหลือง) ท่ีใช้ผลิตอาหารสัตว์ที่ปรับเพิ่มข้ึน ในปี 2564

คาดผลประกอบการฟื้นตัวในช่วง 2H64 เป็นต้นไป

ปัจจัยบวกหนุนผลประกอบการ 2H64 มาจาก (1) ราคาต้นทุนอาหารสัตว์ที่คาดว่าจะลดลง เมื่อเทียบกับ 1H64 ซึ่งจะสะท้อนที่อัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 2H64 ที่ดีขึ้น และ (2) กำลังการผลิตไก่ปรุงสุกที่เพิ่มขึ้น จาก 3 ไลน์การผลิตที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุง โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตได้ในช่วง 3Q64 ทำให้เราคาดหมายจะเห็นผลประกอบการจะฟื้นตัวในช่วง 2H64 อย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงผลประกอบการปี 2565 ที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งหากผลประกอบการ 2Q64 เป็นไปตามคาด กำไรสุทธิ 1H64 จะคิดเป็น 31% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่เราประเมินไว้ที่ 654 ล้านบาท ขณะที่เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 1,038 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59%YoY

แนะนำ “เก็งกำไร” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ท่ี 13.20 บาท

เราคาดว่ากำไรสุทธิ 1Q64 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และจะฟื้นตัวในช่วง 2H64 เป็นต้นไป จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ช่วยหนุนรายได้ปี 2565 ราคาหุ้นแม้ว่าจะปรับเพิ่มกว่า 11.4% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ระยะสั้นยังมีปัจจัยบวกหนุนจากภาพรวมการส่งออกที่แข็งแกร่ง ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยหนุน และแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี 2564 ถึงปี 2565 ที่ฟื้นตัว เราจึงยังแนะนำ “เก็งกำไร” โดยให้ราคาเป้าหมาย 13.20 บาท อิงค่า PER 16 เท่า (+1.0S.D.)

- Advertisement -