SET ยังพักตัวต่อ เน้นหุ้นบาทอ่อน ส่งออก และ WFH
Investment Ideas:
- ภาพรวมการลงทุน – เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (27-30 ก.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,535-1,590 จุด เราคาดว่า SET ยังมีโอกาสพักตัวต่อจากสัปดาห์ก่อน ที่ปรับลดลง 29.27 จุด (-1.86%) เนื่องจาก ขาดปัจจัยบวกใหม่สนับสนุนการลงทุน สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมเฟด (27-28 ก.ค.) เราคาดเฟดจะยังคงดอกเบี้ยและ QE หลังตลาดแรงงานยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า (ค่าเงินบาท 3Q64QTD อ่อนค่า 0.87 บาท อ่อนค่า 2.7%) เป็นบวกต่อหุ้นใน Theme ค่าเงินบาทอ่อน และ การส่งออกแข็งแกร่งเราเลือก ASIAN TU HANA KCE SAT AH PACO APURE SONIC และ NYT รวมท้ังหุ้นท่ีได้ประโยชน์จากการ WFH ที่เพิ่มขึ้น เราเลือก ADVANC YGG และ AS อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของ SET
- พรุ่งน้ี (28 ก.ค.) ตลาดหุ้นไทยจะปิดทำการ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
- ประเด็นในประเทศ ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ประเด็นต่างประเทศติดตามการประชุมเฟด (27-28 ก.ค.) – ปัจจัยในประเทศยังคงต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงวิกฤต เป็นปัจจัยกดดันภาพรวมการลงทุน รวมไปถึงการประกาศงบการเงินในสัปดาห์นี้ ที่สำคัญได้แก่ วันที่ 27 ก.ค. HMPRO SCGP วันที่ 29 ก.ค. PTTEP SCC และวันที่ 30 ก.ค. GLOBAL ด้านปัจจัยต่างประเทศติดตามรายงาน World Economic Outlook และการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) วันที่ 27-28 ก.ค. โดยเราคาดว่าเฟดจะยังคงใช้นโยบายทางการเงินเชิงผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง และรายงานตัวเลข GDP ในช่วง 2Q64 ของสหรัฐฯ (29 ก.ค.) Market Consensus คาดขยายตัวอยู่ท่ี 8.0%QoQ
- ติดตามการประชุมเฟด (27-28 ก.ค.) เราคาดเฟดจะยังคงดอกเบี้ยและ QE หลังตลาดแรงงานยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ – เราคาดว่าการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.00%-0.25% และวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ภายใต้ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไว้ที่ 1.2 แสนล้านเหรียญต่อเดือน เรามองว่าเป็นเพราะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และจำนวนคนว่างงานยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าในช่วงก่อนโควิด-19 (ก.พ. 63) ที่ระดับ 5-6 ล้านราย โดยรายงานจากกระทรวงแรงงานล่าสุด อัตราการว่างงานเดือน (มิ.ย. 64) สูงถึง 7.6% โดยมีจำนวนคนว่างงาน (มิ.ย. 64) อยู่ที่ 9.5 ล้านราย และจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ล่าสุด (สิ้นสุด 17 ก.ค.) ยังคงเพิ่มขึ้น 419,000 ราย แม้รายงานอัตราเงินเฟ้อล่าสุดในเดือน มิ.ย. ตัวเลข Headline CPI และ Core CPI จะอยู่ในระดับสูงที่ 5.4%YoY และ 4.5%YoY ตามลาดับ จากราคาCommodity ปรับเพิ่ม อันเป็นผลจาก 2 ปัจจัยสำคัญได้แก่ Pent-up demand และภาวะ Supply chain bottlenecks อย่างไรก็ตามเราเช่ือว่า 2 ปัจจัยดังกล่าว จะคลี่คลายจากการปรับสมดุลของเศรษฐกิจ และจะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มในอัตราท่ีลดลง
- Earnings Preview: BCP (ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 29 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q64 อยู่ที่ 1.59 พันล้านบาท ลดลง 30%QoQ – เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q64 อยู่ที่ 1.59 พันล้านบาท ลดลง 30%QoQ จากการรับรู้ Stock gain ที่ลดลง แต่พลิกกลับมาเป็นกำไร เมื่อเทียบกับ 2Q63 กำไรจากการดำเนินงานฟื้นตัวจากธุรกิจ โรงกลั่น ธุรกิจตลาด และธุรกิจไฟฟ้าที่ดีขึ้น ค่าการกลั่น 2Q64 ยังคงปรับเพิ่มอยู่ที่ 4.2 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะท่ีกำลังกลั่นกลับมาอยู่ท่ี 1.07 แสนบาร์เรลต่อวัน หลังไม่มีหยุดซ่อมเหมือน 1Q64 ที่ผ่านมา ธุรกิจตลาดยอดขายได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ แต่ Margin กลับมาฟื้นตัวชดเชย แนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเป้าหมายปี 2565 เป็น 29 บาท Upside 21.8%
- Earnings Preview: GFPT (เก็งกำไร; ราคาเป้าหมาย 13.2 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ฟื้นตัว QoQ และมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง – คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ฟื้นตัว QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้น และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไร ที่เพิ่มขึ้น ด้านปริมาณการส่งออกยังทรงตัว QoQ จากผลของ COVID-19 แต่กำไรสุทธิ 2Q64 ลดลง YoY จากราคาต้นทุนผลิตที่เพิ่มขึ้น ยังมีปัจจัยบวกจากภาคการส่งออกของไทยที่ขยายตัว และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยหนุน เราคาดว่า ผลประกอบการ 2H64 จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามแผน และการคาดหมายอัตรากำไรที่ดีขึ้นยังมี Sentiment เชิงบวก หนุนราคาหุ้น แนะนำ “เก็งกำไร”
- บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน – Company Update: KKP / Earnings Preview: BCP และ GFPT
- ติดตามรายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้ – รายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน (Core Durable Goods Orders) เดือน มิ.ย. (คาดเพิ่มขึ้น 0.8%MoM) ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) เดือน มิ.ย. (คาดเพิ่มขึ้น 2.1%MoM) และรายงานความเช่ือมั่นผู้บริโภคจากซีบี (CB Consumer Confidence) เดือน ก.ค. (คาดอยู่ที่ 125.8 จุด)
- มุมมองทางเทคนิค- เราคาดว่าอSET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,535-1,565 จุด หุ้นแนะนำทางเทคนิควันนี้ ได้แก่ SIMAT TFG PACO ROJNA และ LOXLEY
Core Investment:
- หุ้นโรงพยาบาล (ซื้อขายระยะสั้น 1 เดือน) เราเลือก TM SMD BCH BDMS และ CHG
- WFH เราเลือก (ซื้อขายระยะสั้น 1 เดือน) ADVANC TRUE TPAC SCGP JAS ITEL INSET NETBAY YGG และ AS
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า (ซื้อขายระยะสั้น 1-3 เดือน) เราเลือก ASIAN TU HANA KCE SAT AH PACO MEGA NER EPG CBG และ SMPC
- หุ้นที่ประโยชน์จากการส่งออกที่แข็งแกร่ง (ซื้อขายระยะกลาง 3-6 เดือน) เราเลือก APURE SONIC JWD WICE และ NYT
- หุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง (ซื้อขายระยะยาว มากกว่า 6 เดือน) เราเลือก TCAP TASCO PSH TISCO SPCG SC WHAUP CTW ORI RATCH TVO TTW และ SPALI
- หุ้นสะสมระยะยาว (DCA) (ซื้อขายระยะยาว มากกว่า 1 ปี) เราเลือก AOT BEM ADVANC WHA LH CPALL CPF BDMS HMPRO KBANK และ KKP
ตลาดต่างประเทศ (อินโฟเควสท์):
• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,144.31 จุด เพิ่มขึ้น 82.76 จุด (+0.24%) ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,422.30 จุด เพิ่มขึ้น 10.51 จุด (+0.24%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,840.71 จุด เพิ่มขึ้น 3.72 จุด (+0.03%) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับเพิ่มขึ้น โดยทั้ง 3 ดัชนีหลัก ปิดทำ New high ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จากมุมมองที่เป็นบวกของนักลงทุนต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผล การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธท่ี 28 ก.ค. ตามเวลาสหรัฐฯ
• ตลาดหุ้นยุโรป : ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 461.14 จุด ลดลง 0.37 จุด (-0.08%) ตลาดหุ้นยุโรปปรับลดลง จากแรงขายทำกำไรหลังตลาดปรับตัวขึ้น 4 วันติดต่อกัน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ที่ได้รับ ผลกระทบจากการท่ีรัฐบาลจีนทำการควบคุมด้านกฎระเบียบท่ีเข้มงวด
สินค้าโภคภัณฑ์ (อินโฟเควสท์):
- ราคาน้ำมันดิบ : สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดที่ 71.91 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลง 16 เซนต์ (-0.2%) และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดที่ 74.50 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ (+0.5%) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปรับลดลง ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนจากความกังวลต่อการแพร่ระบาดทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ค.) เวลา 21.30 ตามเวลาไทย
- ราคาทองคำ : สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดที่ 1,799.20 เหรียญต่อออนซ์ ลดลง 2.60 เหรียญ (-0.1%) สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปรับลดลง จากการที่นักลงทุนลดสัดส่วนการลงทุนก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธที่ 28 ก.ค. ตามเวลา สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยจำกัด Downside ของราคาทองคำ หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานยอดขายบ้านใหม่ ในเดือน มิ.ย. ลดลงมากกว่าคาด
- ราคาถ่านหิน : ราคาถ่านหินตลาดล่วงหน้า (Newcastle) ส่งมอบเดือน ก.ย. 64 ล่าสุด ปิดที่ 143.90 เหรียญต่อ ตัน เพิ่มข้ึน 1.90 เหรียญ (+1.34%)
- ค่าระวางเรือ : Baltic Dry Index (BDI) ล่าสุดปิดที่ 3,210 จุด เพิ่มข้ึน 11 จุด (+0.34%)
ข่าวอื่น ๆ
• SSP เจรจาดีล M&A โครงการ SPP ใน-นอก จำนวน 2 โครงการ ไม่ต่ากว่า 50 เมกะวัตต์ พร้อมศึกษาพัฒนา โรงไฟฟ้าขยะชุมชน เผยขาย PP และ Warrant ได้เงินลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท เพียงพอต่อการบรรลุมีกำลังผลิต ไฟฟ้าในมือ 400 เมกะวัตต์ภายในปี 2567 ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น 20 เมกะวัตต์ จ่ายไฟฟ้าตามแผน หนุนผลงานเติบโตปีนี้มั่นใจรายได้โตไม่ต่ำกว่า 20% (ทันหุ้น)
• SELIC ชี้ธุรกิจสติกเกอร์ฉลากกาวเติบโตสูงต่อจากไตรมาสแรก หลังได้ลูกค้ารายใหญ่ ส่วนกาวอุตสาหกรรม ยังเติบโตดีเช่นกัน แย้มตลาดส่งออกฟื้นตัว หลังปลดล็อกดาวน์ หนุนความต้องการเพิ่มขึ้น ปักเป้ารายได้ทั้งปีโต 10-15% (ทันหุ้น)
• JWD เพิ่มเป้ารายได้ปี 2564 โต 20% จากปีก่อนที่ 3.92 พันล้านบาท อานิสงส์โลจิสติกส์ขาขึ้น แถมรับงานขนส่งวัคซีนในกัมพูชาเพิ่ม พร้อมเข็นบริษัทย่อย “เจ ดับบลิว ทรานสปอร์ต” เข้าตลาดหุ้นไทย เสริมแกร่งระยะยาว (ทันหุ้น)