บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

OSOTSPA รองบก่อน 

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +18.5%

Close Oct 19, 2021 Price (THB) 33.75

12M Target (THB) 40.00

Previous Target (THB) 40.50

What’s new? 

  • คาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 524 ลบ. (-32.3% QoQ, -38.8% YoY) ต่ำสุดในรอบ 15 ไตรมาส จากผลของ COVID-19 ในไทยและเมียนมาร์ และการอ่อนค่าของเงินจ๊าด
  • คาดกำไร 4Q64 ฟื้นตัวที่ระดับ 700 ลบ. +/- จากการฟื้นตัวของรายได้ในประเทศและเมียนมาร์ ผลกระทบจากเงินจ๊าดอ่อนค่า คาดว่าผ่านช่วงที่แย่ที่สุดแล้
  • ปรับประมาณการกำไรปี 64-65 ลง 9% และ 5% ตามลำดับ

Our view 

  • เราคงมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มผลประกอบการของ OSP
  • แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลงบ้างแล้วจากความกังวลต่อผลประกอบการ 3Q64 และเรายังคงคำแนะนำ ซื้อ แต่ด้วยได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และการอ่อนค่าของเงินจ๊าดมากกว่ากลุ่ม เราจึงแนะนำสะสมที่ระดับราคา 32 บาท +/- ซึ่งมี Upside ราว 20% หรือหลังงบ 3Q64 ออกไปแล้ว (10 พ.ย. )

3Q64 ถูกกระทบทุกทิศทาง

รายได้คาดที่ 6,270 ลบ. (-9.3% QoQ, -5.0% YoY) ตามตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และของใช้ส่วนบุคคลที่หดตัว YoY ด้วยเลข 2 หลักจากฐานที่ส่วนทางจาก 3Q63 ที่เป็นไตรมาสของการฟื้นตัวในปี 2563 และ 3Q64 คือไตรมาสที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 รวมถึงค่าเงินจ๊าดของเมียนมาร์อ่อนค่ามาก กดดันผลประกอบการและความสามารถในการทำกำไรในเมียนมาร์ กดดันอัตรากำไรขั้นต้น คาดลดลงต่ำที่สุดของปีที่ 33.4% จาก 36.3% ใน 2Q64 และ 35.5% ใน 3Q63 ส่วน SG&A ลดลง 9.1%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 2.3% YoY แม้ว่ารายได้จะลดลง  แต่ค่าใช้จ่ายในการขนส่งค่อนข้างสูง ทำให้ SG&A/Sales คาดที่ 23.4% จาก 23.3% ใน 2Q64 และ 21.7% ใน 3Q63 นอกจากนี้การอ่อนค่าลงของค่าเงินจ๊าด ส่งผลให้บริษัทย่อยซึ่งประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตขวดแก้ว ซึ่งยังไม่มีรายได้ แต่มีเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าอาจมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ทําให้ส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัทร่วมลดลง 62.4% QoQ และ 77.1% YoY เป็น 25 ลบ. แม้ว่า Cvitt จะเติบโต QoQ ได้ก็ตาม คาดกำไรปกติที่ 524 ลบ. (-32.3% QoQ, -38.8% YoY) 

คาด 4Q64 ฟื้นตัว … ปรับประมาณการลงอีกครั้ง

การระบาดของ COVID-19 ในไทยและในเมียนมาร์ส่งสัญญาณดีขึ้น อนุมานได้ว่าการบริโภคของทั้ง 2 ประเทศนี้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q64 แต่การฟื้นตัวในไทยจะเป็นแรงผลักดันการฟื้นตัวได้แรงกว่าเมียนมาร์ เนื่องจากยังคงมีประเด็นทางการเมืองและค่าเงินจ๊าดกดดัน อย่างไรก็ตาม มีสัดส่วนรายได้ในเมียนมาร์ราว 10-12% เท่านั้น เพียง แต่ทำให้ความคาดหวังต่อการเติบโตของรายได้และการขยายตัวของ GPM จากเมียนมาร์ถูกเลื่อนออกไป ขณะที่โรงงานรับจ้างผลิตขวดแก้วในเมียนมาร์จะเริ่มมีรายได้ใน 2Q65 ทำให้ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเช่นที่เกิดใน 3Q64 มีผลต่อผลประกอบการโดยรวมลดลงเรื่อยๆ และจะเข้าสู่ระดับปกติใน 2Q65 เมื่อบริษัทย่อยนี้เริ่มมีรายได้ เราคาดกำไรปกติใน 4Q64 เบื้องต้นที่ 700 ลบ.+/- ซึ่งทำให้กำไรปกติทั้งปีต่ำกว่าประมาณการเดิมของเรา เพื่อความระมัดระวังมากขึ้น จึงปรับประมาณการกำไรปี 2564-2565 ลง 9% และ 5% เป็น 2,982 ลบ. (-5.2% YoY) และ 3,861 ลบ. (+29.5% YoY) ตามลำดับ

คงคำแนะนำซื้อ … หลังงบออก

ด้วยผลกระทบจาก COVID-19 และการอ่อนค่าของเงินจ๊าดเมียนมาร์เป็นปัจจัยนอกเหนือคาดการณ์ของเราและตลาด ทําให้ผลประกอบการได้รับผลกระทบมากกว่าคาด โดยผลของการปรับประมาณการลง ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2565 ลดลงจาก 40.50 บาท เป็น 40.00 บาท (DCF, Terminal growth 4.0%) ยังคงมี Upside gain 18.5% จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ แต่ในเชิงกลยุทธ์เนื่องจากราคาหุ้นยังมี Upside gain ไม่จูงใจ เมื่อเทียบกับความเสี่ยงและยังซื้อขายที่ PER65 ที่ 26.3 เท่า มองว่าที่ระดับ 32 บาท +/- ซึ่งมี Upside gain ราว 20% จากราคาเป้าหมาย และซื้อขายที่ PER65 ที่ 24.9 เท่าเป็นจุดน่าสนใจสะสม หรือเพื่อลดความเสี่ยงอาจพิจารณาสะสมหลังรายงานงบ 3Q64 (วันที่ 10 พ.ย.)

- Advertisement -