บล.ทรีนีตี้:

ธนาคารกรุงเทพ – BBL กําไร 3Q64 ดีกว่าคาด คุณภาพหนี้ดีขึ้น ส่วนสำรองหนี้ทรงตัว

  • กำไร 3Q64 อยู่ที่ 6,909 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% QoQ และ 72% YoY ดีกว่าคาดมาก
  • รายได้ดอกเบี้ยเติบโตได้ดีตามสินเชื่อ และส่งผลบวกต่อรายได้ค่าธรรมเนียมด้วย
  • แนวโน้ม Cost-to-income ratio ดีขึ้นต่อเนื่อง หลังไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ
  • สัดส่วน NPL ปรับตัวดีขึ้นมาก ขณะที่สำรองหนี้ยังทรงตัว QoQ ส่งผลให้สัดส่วน NPL Coverage เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 17% แล้ว
  • แนวโน้ม 4Q64 อาจเห็นค่าใช้จ่ายตามฤดูกาลเข้ามากดดันบ้าง แต่ภาพรวมทั้งยังฟื้นตัวดี และอาจดีกว่าที่เราคาดไว้ทั้งปีที่ 2.5 หมื่นล้านบาทได้
  • มองราคาหุ้นยัง Laggard ในกลุ่มธนาคารใหญ่ คงคำแนะนำ “ซื้อ”

กำไร 3Q64 ดีกว่าคาด คุณภาพหนี้ดีขึ้น ส่วนสำรองหนี้ยังทรงตัว

BBL ประกาศกําไร 3Q64 ที่ 6,909 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% QoQ และ 72% YoY ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าถึง 20% โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโตราว 3% QoQ จากสินเชื่อที่เติบโตได้ดีถึง 4% QoQ โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อต่างประเทศ ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตได้ดีราว 7% QoQ จากค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อ แต่กำไรจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนลดลงตามภาวะตลาด ทําให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอ่อนตัวลงราว 1% QoQ ขณะที่ธนาคารยังควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงราว 3% QoQ และทำให้ Cost-to-income ratio มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 46% ด้านสัดส่วน NPL ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ราว 3.49% จาก 3.65% ในไตรมาสก่อน ขณะที่ยังมีการตั้งสํารองส่วนเกิน ทําให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า ทำให้ NPL Coverage Ratio ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 197%

แม้ 4Q64 อาจมีค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล แต่กำไรปี 64 ยังฟื้นตัวดี

กําไรงวด 9M64 คิดเป็นราว 81% ของประมาณการทั้งปีที่เราทําไว้ที่ 24,948 ล้านบาท สําหรับแนวโน้มกำไร 4Q64 อาจเห็นกำไรอ่อนตัวลงบ้างจากค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล แต่ในด้านค่าใช้จ่ายสํารองหนี้คาดว่าจะทรงตัวหรือลดลงได้ เนื่องจากคาดว่าจะไม่มีการระบาดและปิดเมืองเช่นใน 3Q64 อีกทั้งสำรองส่วนเกินยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงมีโอกาสที่กำไรทั้งปีจะออกมาสูงกว่าที่เราคาด สำหรับแนวโน้มในปี 2565 นั้น เราคาดกำไรจะดีขึ้นราว 13% YoY ภายใต้สมมติฐานว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวและปัญหาคุณภาพหนี้จะปรับตัวดีขึ้น

ราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่มฯ

เรายังคงราคาเป้าหมายที่ 151 บาท อิง PBV 0.63 เท่า โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายกันที่ PBV เพียง 0.50 เท่า ขณะที่ธนาคารขนาดใหญ่อื่นได้รับผลบวกจากประเด็นการ Re-valuation ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว (Current PBV ของ SCB 1.00 เท่า และ KBANK 0.73 เท่า) ขณะที่การฟื้นตัวของกำไรของ BBL ในปี 2564 ยังโดดเด่นกว่ากลุ่ม (จากปีก่อนที่มีการตั้งสํารองหนี้ค่อนข้างสูง และมีค่าใช้จ่ายจาก Permata) ขณะที่ปี 2565 มองการฟื้นตัวของกำไรยังใกล้เคียงกลุ่ม เราจึงยังมอง BBL มีความน่าสนใจในแง่ Valuation เมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่อื่น

ความเสี่ยง: การชะลอตัวของเศรษฐกิจ / คุณภาพหนี้ที่แย่ลง

- Advertisement -