บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

SUPALAI คาดกําไร 3Q64 ลดลง QoQ แต่โตเด่น YoY

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) 11.2%

Close Oct 26, 2021 Price (THB) 22.30

12M Target (THB) 24.80

Previous Target (THB) 24.80

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 1.5 พันลบ. โตเด่น 26% YoY หนุนจากการโอนโครงการแนวสูงเสร็จใหม่ แต่ลดลง 11% QoQ จากส่วนแบ่งกำไรร่วมค้าที่ลดลง
  • คาด Presale 4Q64 จะฟื้นตัวขึ้นอย่ามีนัยสำคัญ QoQ หนุนด้วยการคลายมาตรการล็อกดาวน์และการปลดล็อกมาตรการ LTV
  • บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 4Q64 ทั้งสิ้น 12 โครงการรวมมูลค่ากว่า 1.6 หมื่นลบ.

Our view

  • เรามีมุมมองบวกต่อ SPALI จากการปลดล็อกมาตรการ LTV ของ ธปท. เนื่องจากมีสินค้าพร้อมขายเป็นจำนวนมาก และคาดประมาณการปี 2565 มี Upside risk ที่ระดับ 5-10%
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 ที่ 24.80 บาท/หุ้น อิง PER ที่ 8.7% เทียบเท่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท
  • คาดเงินปันผลงวด 2H65 ที่ 0.45 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend yield ที่ 2.7% ช่วยจำกัด Downside risk

คาดผลประกอบการ 3Q64 เติบโตเด่น YoY จากการโอนโครงการแนวสูง

เราคาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 1.5 พันลบ. (-11.3% QoQ, +25.2% YoY) ปรับตัวขึ้นเป็น YoY หนุนจากการโอนโครงการแนวสูงเสร็จใหม่ 1 โครงการ คือ Supalai Veranda Phasi Charoen Station (มูลค่า 4.5 พันลบ. ณ สิ้น 3Q64 มียอดขายแล้ว 80%) และการโอนโครงการแนวสูงที่แล้วเสร็จในช่วง 2Q64 ต่อเนื่อง ได้แก่ Supalai Premier Charoen Nakorn (3.0 พันลบ.) และ Supalai Riva Grande (6.8 พันลบ.) มียอดขายแล้ว 97% และ 79% ตามลำดับ กำไรที่คาดลดลง QoQ เป็นผลมาจากส่วนแบ่งกำไรร่วมค้าจากโครงการ JV ที่ออสเตรเลียในช่วง 3Q64 คาดลดลงอยู่ที่เพียง 28 ลบ. ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ QoQ เมื่อเทียบกับช่วง 2Q64 ที่ 199 ลบ.

Presale 3Q64 คาดเป็นจุดต่ำสุดของปี … 4Q64 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ที่หนาแน่น

บริษัทรายงาน Presale 3Q64 ที่ 4.5 พันลบ. (-21% QoQ, -46% YoY) แบ่งเป็นโครงการแนบราบ-แนวสูงที่ 4.5 พันลบ. (-21% QoQ, -21% YoY) และแนวสูงที่ 1.0 พันลบ. (-21% QoQ, -74% YoY) ตามลำดับ ลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากผลกระทบของ COVID-19 และมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้างเป็นระยะเวลา 30 วันในช่วงเดือน ก.ค. 2564 อย่างไรก็ดี เราคาด Presale 3Q64 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และจะฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 4Q64 หนุนจาก 1) การผ่อนคลายมาตรการ LTV ถึงสิ้นปี 2565 ปัจจัยหนุนในการระบาย Inventory 2) การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และ 3) ฐานที่ต่ำใน 3Q64 จากผลกระทบเชิงลบของมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 4Q64 ทั้งสิ้น 12 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1.6 หมื่นลบ. (เทียบเท่ากับ 3 ไตรมาสก่อนหน้ารวมกัน) แบ่งเป็นโครงการแนวราบ-แนวสูงที่ 1.0 หมื่นลบ. และ 5.8 พันลบ. ตามลำดับ ซึ่งจะเป็นการกลับมาเปิดตัวโครงการแนวสูงครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส โดยมี Highlight คือ Supalai Premier Samsen-Ratchawat มูลค่า 1.5 พันลบ. ทํายอดจอง Online booking ได้แล้วถึง 100% ที่ระดับ 410 ลบ. ภายในระยะเวลา 1 เดือนแรกของการเปิดตัว ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับลดแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2564 ลงเล็กน้อยที่ราว 4% จากเดิมที่ 3.4 หมื่นลบ. เป็น 3.0 หมื่นลบ.

คาดผลประกอบการ 4Q64 เป็น Highlight ของปี … หนุนจากการปลดล็อกมาตรการ LTV

ณ สิ้น 3Q64 บริษัทมี Backlog ที่คาดรับรู้เป็นรายได้ในช่วง 4Q64 จำนวน 9.8 พันลบ. (แบ่งเป็นสัดส่วนโครงการแนวราบและแนวสูงที่ประมาณ 50:50) หากรายได้ 3Q64 ใกล้เคียงกับที่เราคาดการณ์จะคิดเป็น Secured revenue จากประมาณการรายได้ทั้งปีของเราที่ 2.7 หมื่นลบ. ที่ 100% เป็นผลมาจากการเลื่อนโอนโครงการบางส่วนมากจากช่วง 3Q64 จากผลกระทบของมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง

นอกจากนี้ เราคาดการปลดล็อกมาตรการ LTV ของ ธปท. เป็น 100% ในวันที่ 21 ต.ค. 2554 ที่ผ่านมา ไปจนถึงสิ้นปี 2565 เป็นปัจจัยหลักที่จะหนุน 1) อัตราการระบายโครงการเหลือขายปัจจุบันของ SPALI ที่มีระดับสูงถึง 6.3 หมื่นลบ. 2) ลดความผันผวนของการรับรู้รายได้ Backlog ทั้งในช่วง 4Q64 ไปจนถึงสิ้นปี 2565 จากแนวโน้ม Rejection rate และ Cancellation rate ที่คาดปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563 และ 1H64 และ 3) อัตราการดูดซับอุปทานโครงการแนวราบที่จะเปิดตัวใหม่ในช่วง 4Q64 รวมไปถึงแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัท ในปี 2565 คาดที่ระดับ 3.3 หมื่นลบ. ใกล้เคียงกับปี 2564 โดยมีสัดส่วนโครงการแนวราบ-แนวสูงที่มากกว่า 75% เป็นผลให้เราประเมินเบื้องต้นประมาณการกำไรปี 2565 ของเราที่ 6.2 พันลบ. มี Upside risk ที่ระดับ 5-10%

คงคำแนะนํา “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 ที่ 24.80 บาท/หุ้น

เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2564/65 ที่ 5.8 พันลบ. และ 6.2 พันลบ. ตามลำดับ และคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 ที่ 24.80 บาทต่อหุ้น แม้ราคาเหมาะสมจะให้ Upside gain ที่เพียง 11.2% จากราคาปิดวานนี้ แต่ประมาณการของเรายังไม่รวม Upside risk สำหรับการปลดล็อกมาตรการ LTV รวมถึงการเข้าสู่ช่วงสิ้นปี ซึ่งเราประเมินการ Rollover TP ไปยังช่วงสิ้นปี 2565 จะส่งผลให้ราคาเหมาะสมของเรา และ Consensus มี Upside risk ราว 5-10% นอกจากนี้เราคาดเงินปันผลงวด 2H64 0.60 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่ 2.7%

- Advertisement -