APURE ส่งซิกผลงานโค้งสุดท้ายยอดขายข้าวโพดหวานพุ่งต่อเนื่อง สอดรับความต้องการตลาดโลก ทั้งยุโรป สหรัฐฯ รวมถึงในตลาดเอเชีย ยังไปได้สวย ล่าสุดมีออเดอร์ในมือรอส่งมอบแล้วกว่า 1,500 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท ขณะที่บอร์ดไฟเขียว ออก APURE-W3 จำนวนไม่เกิน 479.14 ล้านหน่วย แจกผู้ถือหุ้นเดิม 2 ต่อ 1 กำหนดราคาใช้สิทธิ 7 บาทต่อหุ้น หวังรองรับแผนการต่อยอดธุรกิจในอนาคต
นายสุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE ผู้ส่งออกข้าวโพดหวานแปรรูปคุณภาพสูง เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ดีมานด์ปริมาณการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ ทั้งในตลาดยุโรป สหรัฐฯ รวมถึงในตลาดเอเชีย ยังคงเติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากในไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่น เข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จึงส่งผลให้มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพอากาศในต่างประเทศยังเป็นตัวแปรที่ส่งผลกระทบให้ผลผลิตข้าวโพดมีราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้องมีการนำเข้าข้าวโพดหวานเพิ่มขึ้นตาม โดยปัจจุบันบริษัทมียอดออเดอร์ที่เตรียมส่งมอบจนถึงสิ้นปีแล้วกว่า 1,500 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือประมาณ 700 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทได้มีการทำสัญญากับเกษตรกร (Contract Farming) สัดส่วนมากกว่า 90% ส่งผลให้สามารถเพิ่มปริมาณข้าวโพดเข้าไลน์การผลิตได้มากถึง 300,000 ตันต่อปี จากเดิม 150,000 -180,000 ตันต่อปี จะเห็นได้ว่า บริษัทยังมีขีดความสามารถในการขยายการรับออเดอร์ใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง จากดีมานด์การสั่งซื้อ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ทั้งในกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและขนาดใหญ่
ส่วนผลกระทบจากการขนส่ง ยังคงเป็นตัวแปรต่อเนื่องไปถึงกลางปี 2565 ดังนั้น บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินกิจการมามุ่งเน้นการขยายตลาดในพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการขนส่ง หรือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการขนส่งน้อย อาทิ ในประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกง มากยิ่งขึ้น
ขณะที่ประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกไปราว 1-2% ของรายได้รวม ปัจจุบันบริษัทได้ให้ความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการขนส่งไม่มากนัก และสินค้าของบริษัทได้ผ่านมาตรฐานของห้างสรรพสินค้าในสหภาพยุโรป ซึ่งมีสาขากระจายอยู่ในประเทศออสเตรเลีย จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาดได้เพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังได้เน้นการบริหารจัดการต้นทุนบรรจุภัณฑ์ การเจรจาติดต่อกับสายเรือต่างๆ เพื่อที่จะเพิ่มพื้นที่การขนส่งสินค้าได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยเหลือลูกค้าของบริษัทในทุกด้าน
“มองว่าเป็นโอกาสสำหรับบริษัทในการขยายตลาด ด้วยเงินทุนที่มากพอช่วยให้บริหารจัดการด้านต่างๆ ได้มากกว่าคู่แข่ง มีอำนาจในการต่อรองและช่วยเหลือลูกค้าทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นโรงงานกระป๋อง สายเรือ รวมไปถึงแนวทางการปรับราคาขายสินค้าของลูกค้า เพื่อที่จะลดผลกระทบที่เกิดจากค่าขนส่ง ส่งผลให้ทิศทางผลประกอบการของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายสุเรศพล กล่าว
สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบให้ลดทุนจดทะเบียนของบริษัท จากเดิม 737,864,463.00 บาท (จำนวน 1,054,092,090 หุ้น) เป็น 670,794,168.10 บาท (จำนวน 958,277,383 หุ้น) โดยตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่าย จำนวน 95,814,707 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.70 บาท คิดเป็น 67,070,294.90 บาท จากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียน เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,006,191,252.50 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 479,138,692 หุ้น หุ้นละ 0.70 บาท คิดเป็น 335,397,084.40 บาท โดยจะจัดสรรเพื่อรองรับการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิการซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 3 (APURE-W3) ที่จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทในอัตราส่วนหุ้นสามัญเดิม 2 หุ้นต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า สำหรับใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวมีอายุ 3 ปีและอัตราการใช้สิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ได้ 1 หุ้น และราคาใช้สิทธิ 7 บาทต่อหุ้น
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ ถือว่าเป็นการสอดรับการเตรียมความพร้อมทางด้านเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการแตกไลน์ธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมการเกษตรที่เกี่ยวเนื่อง รวมไปถึงการย้ายพื้นที่โรงงานเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคตของบริษัท
บริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิ (Record Date) วันที่ 17 ธันวาคม 2564 โดยจะเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 8 ธันวาคม 64 และจะและกำหนดรายชื่อผูถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถืออหุ้น (Record Date) ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 64
**********************************