Daily Focus – Selective and Laggard Play

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index แกว่งตัวผันผวนระหว่างวันก่อนที่จะปิดบวกได้ 7.60 จุด นำโดยกลุ่มค้าปลีกและพลังงาน ยืนเหนือ 1,625 จุดได้ ทำให้ระยะสั้นเป็นบวกทางเทคนิค สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดุ้น 873 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อ 1.3 พันลบ. (แต่ Short Index Futures เล็กน้อย 3.9 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,615-1,630 จุด มีโอกาสพักตัวระยะสั้นจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสนัก จากสถานการณ์โอมิครอนที่ยังวางใจไม่ได้ ขณะที่โฟกัสหลักสัปดาห์นี้อยู่การประชุมธนาคารกลางใหญ่ทั่วโลก โดยเฉพาะ FED ที่คาดเร่งลด QE เป็น U$ 3 หมื่นล้านต่อเดือน และ Dot Plot แสดงมุมมองขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นในปี 2022 อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ SET Index ในระยะยางกลาง-ยาวตามเศรษฐกิจที่ฟื้น ส่วนการระบาดองโอมิครอนเชื่อว่าทั่วโลกจะเร่งฉีดวัคซีน Booster Shot เพื่อป้องกัน และคาดอยู่ในระดับที่ความคุมได้จากอาการที่ไม่รุนแรง เราจึงประเมินกลุ่ม Reopening Play จะทยอยฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในปีหน้า กลยุทธ์ ระยะกลาง-ยาว เราแนะนำ “ถือลงทุน” ต่อเนื่องที่ให้ทยอยสะสม 2 ระดับ ได้แก่ 1,590-1,600 จุด และ 1,550-1,570 จุด สำหรับ Domestic และ Reopening Play ระยะสั้นเน้นเก็งก่าไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และยัง Laggard ตลาดโดยรวม

กลยุทธ์: เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและกระทบจาก COVID-19 จํากัด รวมถึง Reopening Play ที่ยัง Laggard

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค.: BCH, JWD, MEGA, NSL, SYNEX

หุ้นเด่นวันนี้: SMT

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8 บาท
  • คาดกําไร 4Q21 จะเร่งตัวขึ้นและมีลุ้นโตทั้ง Q-Q และ Y-Y จากรายได้ที่เร่งตัว และ Margin คาดว่ายังคงแข็งแรงต่อเนื่อง หนุนกำไรทั้งปี 2021 คาด +166% Y-Y
  • ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2022 +27% Y-Y และมีคำสั่งซื้อ Secured แล้วถึง 80% ช่วยปิด Downside และคาดก่าไรปี 2022 +33% Y-Y นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างหาที่ตั้งโรงงานแห่งที่ 2 หนุนการเติบโตระยะยาว
  • แนวรับ 6.60-6.50 บาท แนวต้าน 7 // 7.20 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$ 435 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$ 251 ล้านและ US$ 176 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนผสมผสาน โดยไหลออกจากอินโดนีเซีย แต่ไหลเข้าไทย แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังค่อนไปในทิศทางไหลออก จากเม็ดเงินที่ไหลเข้าถือสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยติดตามการประชุม FED สัปดาห์นี้ รวมถึงพัฒนาการข่าวโอมิครอน

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) กลุ่ม EV เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในปี 2022-2023 และมีแนวโน้มที่ไทยจะบรรลุเป้าหมาย Zero-Emission ในปี 2035 เราคาดปริมาณรถ EV จะเติบโต 4 เท่าตัว และ 3 เท่าตัวในปี 2022 เทียบกับปี 2020  นอกจากนี้คาดเห็นการสนับสนุนจากภาครัฐชัดเจนขึ้นในปีหน้า ทั้งการลดภาษีนำเข้า รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนของ BOI ทั้ง Supply Chain เรามอง EA และ NEX เป็น Winner ของกลุ่ม เราปรับกำไร EA ปี 2021-2023 ขึ้น 4-9% และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 122 บาท ส่วน NEX เราปรับเพิ่มกำไรปี 2022-2023 ขึ้น 33% และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 25 บาท (Soure: FSSIA)

(+) RBF อัพเดทธุรกิจกัญชงคาดจะได้ผลผลิตใน ม.ค. 22 และเริ่มรับรู้รายได้ขาย CBD และ Hemp Seed Oil ได้ใน 1Q22 ตามที่เราคาด ระยะสั้นคาดกําไรธุรกิจเดิม 4Q21 จะฟื้นตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y หลังสะดุดเพราะ COVID-19 และต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นใน 3Q21 โดยรวมยังสอดคล้องกับประมาณการของเรายังไม่เห็น Upside ของรายได้กัญชงจากที่เราให้ไว้ 1.2 พันลบ. หรือราว 35% ของรายได้รวม แต่มองเห็น Downside มากกว่าหากรายได้ทําได้ต่ำกว่าเป้ายังคาดกำไรปกติปี 2021 +8% Y-Y และปี 2022 จะเร่งขึ้น +77% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 21 บาท แนะนำเพียง “เก็งกำไร”

(0) คาดหุ้นเข้า-ออก SET50 / SET100 งวด 1H22 โดยใช้สมมติฐาน Turnover Ratio ที่ 2.5% จะได้หุ้นคาดเข้า SET50 ได้แก่ AWC TIDLOR BANPU และหุ้นคาดเข้า SET100 ได้แก่ XPG TTA TIDLOR STARK RCL KEX EPG BPP BLA AWC ส่วนหุ้นคาดออก SET50 ได้แก่ STA DELTA BJC และหุ้นคาดออก SET100 ได้แก่ TKN RS QH PTL PRM NRF ICHI DELTA BJC AAV

(-) ตลาดดาวโจนส์ลดลง 320.04 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 35,650.95 จุด หลังนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษยืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโอมิครอนรายแรกในประเทศ พร้อมเตือนว่าอังกฤษกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ของไวรัสโอมิครอน และวัคซีน 2 โดสไม่เพียงพอที่จะควบคุมไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลักๆ จากการปรับลงของหุ้นกลุ่มเดินทางและกลุ่มพลังงานจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน

(-) ตลาดเอเชียปรับลงตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาด COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 38 เซนต์หรือ 0.5% ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน อาจทำให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง กระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 3.5 ดอลลาร์หรือ 0.2% ปิดที่ 1,788.3 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 982.64 / +-

- Advertisement -