Our View? ”พักฐานในกรอบแคบ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,670/1,667 และแนวต้านที่บริเวณ 1,680 / 1,683 คาดตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่เมื่อวานนี้ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ออกมาขยายตัว 4.0% YoY มากกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 3.6% โดย GDP ทั้งปี’64 อยู่ที่ระดับขยายตัว 8.1% ขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนเดือน ธ.ค. ออกมาขยายตัว 4.3% มากกว่าที่ตลาดคาด อีกทั้งธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.10% สู่ระดับ 2.85% พร้อมทั้งอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ 2 แสนล้านหยวน เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดในภูมิภาคได้ต่อ

ขณะที่เรามีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโนม้การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังเจ้าหน้าที่ FED หลายรายออกมาส่งสัญญาณเตรียมปรับข้ึนดอกเบี้ยทันทีท่ีมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ยุติลง หรือการประชุม FOMC เดือน มี.ค. โดยเรายังคงมุมมองประเด็นดังกล่าวไม่ใช่ปัจจัยใหม่ และตลาดรับรู้ประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมหุ้นได้หากตลาดอ่อนตัวจากประเด็นดังกล่าว

สำหรับราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.พ. เช้าน้ียังคงปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อยู่ที่บริเวณ 84.00ดอลลาร์/บาร์เรล โดยยังคงรับแรงหนุนจากผลกระทบของ Omicron ไม่ได้ส่งผลต่ออุปสงค์น้ำมันดิบมากนัก  ขณะที่เราคาดว่าการที่สมาชิกของ OPEC+ บางประเทศยังคงติดปัญหาไม่สามารถผลิตได้ตามโควต้า คาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นช่วยประคองตลาดหุ้นไทยได้อยู่

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศสัปดาห์นี้ยังคงแนะนำติดตามการเปิดเผยผลประกอบการ 4Q’64 นำโดยกลุ่มธนาคารที่จะเริ่มรายงานออกมาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยเราคาดว่ามีโอกาสทรงตัวจาก 3Q’64 แม้เราจะคาดว่าผลกำไรจะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่คาดการที่ ธปท. เริ่มให้ธนาคารกลับมาใช้มาตรการดูแลลูกหนี้ตามปกติแล้วอาจจะกดดันทิศทางกำไรได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เรายังชอบหุ้นในกลุ่ม ธนาคาร (KBANK, SCB, TTB) ที่คาดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะสามารถทำให้สินเช่ือกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปีนี้ รวมทั้งทิศทางดอกเบี้ยโลกเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นขาขึ้น พร้อมทั้งการตั้ง ECL ที่คาดจะเร่ิมปรับลดลง ต้ังแต่ในช่วง 1Q’65

รวมทั้งการท่ีศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ร.พ. รามาธิบดีเปิดเผยผลตรวจ COVID-19 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบเป็นสายพันธุ์ Omicron 97.1% สะท้อนแนวโน้มการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศใกล้จบลง และกลายเป็นโรคประจาถิ่นแทน เรามองเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Re-Opening ฟื้นตัวกลับขึ้นได้อีกครั้ง

อีกทั้งเรายังชอบหุ้นในกลุ่มสื่อที่คาดว่าการใช้จ่ายโฆษณาในสื่อโทรทัศน์ในปี’65 จะสามารถเติบโตโดดเด่นต้ังแต่ช่วง 4Q’64 ตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่สมาคมโฆษณาไทยคาดการณ์อุตสาหกรรมโฆษณาจะเติบโตราว 2-6% ในปี’65 มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นใน กลุ่มสื่อ (BEC และ WORK)

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันน้ี “BEC”

แนวรับ 14.20 / 13.70 Target 15.80 / 17.00 Stop <13.50

- Advertisement -