บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
IRPC กำไรสต็อกหนุน 4Q64 อยู่ระดับสูง…ทั้งปีเป็นนิวไฮ
Action
TRADING (Maintain)
TP upside (downside) +5.4%
Close Jan 17, 2022 Price (THB) 4.08
12M Target (THB) 4.30
Previous Target (THB) 4.30
What’s new?
- คาดกาไรสุทธิ 4Q64 ท่ี 2.1 พันล้านบาท +32% YoY ฟื้นตัวในทุกมิติจากช่วงการแพร่ระบาด ขณะท่ีจะประคองตัว QoQ เพราะ Margin ปิโตรเคมี – น้ำมันหล่อลื่นท่ีลดลง และต้นทุนพลังงานสูงขึ้นจะสามารถชดเชยได้ด้วยอัตราการกลั่น – ค่าการกลั่นดีขึ้น และมีกำไรสต็อกน้ำมัน 1.7 พันล้านบาท
- หาก 4Q64 เป็นไปตามคาด กำไรท้ังปีจะทำระดับสูงสุดใหม่ และคาดการณ์เรามี Upside 12%
Our View
- คงราคาเหมาะสม 4.30 บาท และคำแนะนำ TRADING แม้โมเมนตัมกำไรปี 2565 ของหุ้นโรงกลั่นอื่นจะแข็งแกร่งกว่าจากสัดส่วนธุรกิจโรงกลั่นท่ีสูงกว่า และบริษัทฯ มีแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่ 1-2 เดือนใน 4Q65 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้นตามกลุ่มพลังงานท่ีได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน และงบปี 2564 ท่ีเป็นนิวไฮ จะทำให้มีเงินปันผลระดับสูง คาดงวด 2H64 ท่ี 0.17 บาท/หุ้น Yield 4.2%
คาด Stock gain หนุนกำไรสุทธิ 4Q64 อยู่ระดับสูง
สําหรับ 4Q64 คาดกำไรสุทธิที่ 2.1 พันล้านบาท ดีขึ้น +32%YoY ในทุกด้าน ทั้งอัตราการผลิตและอัตรากำไร สอดคล้องราคาผลิตภัณฑ์ที่ฟื้นตัวหลังผ่านการแพร่ระบาด รวมทั้งค่าใช้จ่ายลดลงจากผลของโครงการปรับโครงสร้างด้านบุคลากร (Noah) ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่เทียบกับ 3Q64 คาดกำไรอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน (-2% QoQ) โดย 1) แม่คาดว่าอัตรากำไรธุรกิจหลัก (Market GIM) จะอ่อนตัวลงเป็น US$11.9/bbl (-4%QoQ) กดดันจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมี ABS-Naphtha ที่ลดลง เป็น US$1,378/ตัน (-16%QoQ), ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่น 500SN-FO เหลือ US$670/ตัน (-25% QoQ), และต้นทุนเชื้อเพลิงสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม 2) ปัจจัยลบข้างต้นสามารถชดเชยได้จากการเพิ่มขึ้นของอัตราการผลิต และค่าการกลั่นตามสัญญาณการเดินทางในประเทศที่ฟื้นตัว และส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูป (ดีเซลและอากาศยาน) ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้ง 3) ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยที่ US$78.4/bbl (+9%QoQ, +76%YoY) จะทำให้มีกำไรสต๊อกน้ำมันราว 1.7 พันล้านบาท หากนัดเฉพาะกำไรปกติคาดทำได้ 727 ล้านบาท (-42%QoQ, +138%YoY)
ภาพปี 2564 ทำะดับสูงสุดใหม่…แนวโน้มกำไรปกติ 1Q65 ประคองตัว
หาก 4Q64 เป็นไปตามคาด กำไรสุทธิทั้งปีจะเท่ากับ 1.4 หมื่นล้านบาท นับเป็นระดับสูงสุดใหม่ของบริษัทฯ และทำให้คาดการณ์ของเราที่ 1.3 หมื่นล้านบาท มี Upside risk ประมาณ 12% ซึ่งสาเหตุหลักมาจากกำไรสต๊อกน้ำมันที่สูงกว่าคาด สำหรับปี 2565 เราคงประมาณการกำไรปกติที่ 4.6 พันล้านบาท ลดลง -1%YoY เพราะ 4Q65 จะเป็นช่วงปิดซ่อมบํารุงใหญ่ของโรงกลั้นตามวัฏจักรทุก 5 ปี ระยะเวลา 1-2 เดือน ขณะที่แนวโน้ม 1Q65 คาดผลการดำเนินงานหลักทรงตัว QoQ เพราะอัตราการผลิตและค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นเล็กน้อยจะถูกชดเชยด้วยอัตรากำไรธุรกิจหลัก (Market GIM) ที่ลดลง จากต้นทุนน้ำมัน (Crude Premium) ที่เพิ่มขึ้น อ้างอิง Arab Light OSP 1Q65 เฉลี่ย Premium US$2.8/bbl (เทียบกับ 4Q64 ที่เป็น Premium US$1.9/bbl) และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีหลักอย่าง PP-Naphtha และ ABS-Naphtha ที่มีสัญญาณอ่อนแอลง
คาดเงินปันผลเด่นจากกำไรนิวไฮ แนะนำเก็งกำไร
คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ท่ี 4.30 บาท อ้างอิง PBV ที่ 1.0 เท่า โดยให้ส่วนลด -0.5SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี (เท่าเดิม) และคําแนะนํา TRADING มองว่าหุ้นโรงกลั่น TOP SPRC BCP จะมีโมเมนตัมกําไรปี 2565 น่าสนใจกว่า เนื่องจากมีสัดส่วนธุรกิจโรงกลั่นสูงกว่า และไม่มีแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่ในปี 2565 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้นตามทิศทางกลุ่มพลังงานที่ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันช่วง 1Q65 แข็งแกร่ง และภาพรวมงบปี 2564 ที่จะเป็นระดับนิวไฮ หนุนให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลระดับสูง คาดเงินปันผลงวด 2H64 ที่ 0.17 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Yield 4.2% (อ้างอิง Payout ratio 36%) (บริษัทฯ จะรายงานผลประกอบการวันที่ 8 ก.พ.)