Daily Focus Selective Buy on Earnings and Low PER/PBV

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ปรับตัวลงแรงกว่าคาด ปิดลบถึง 16.60 จุด ลงทดสอบแนวรับ 1,660 จุด จาก Sentiment ลบทั่วโลกหลัง Bond Yield สหรัฐฯพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่อง และเร่งขึ้นเป็น 2.6 พันลบ. และ 3 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Short SET50 Index Futures หนาแน่นเกือบ 1.1 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index แกว่งตัวลงทดสอบแนวรับสำคัญ 1,650 จุด ซึ่งเป็นจุด Breakout ปลายปีก่อน โดยถูกกดดันหลัง Bond Yield สหรัฐฯพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี สะท้อนคาดการณ์ว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่สูง ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและถือเงินสด ส่งผลให้ Dollar Index ฟื้นตัวแรง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรง โดยล่าสุด WTI ขึ้นทดสอบแนวต้านหลักบริเวณ US$ 85-86 ต่อบาร์เรล คาดทําให้กลุ่มพลังงานช่วยประคองตลาดได้บ้าง ขณะที่ผลประกอบการ 4Q21 กลุ่มธนาคารที่จะประกาศสัปดาห์นี้ หากออกมาไม่ต่ำกว่าคาด เราประเมินว่าจะช่วยหนุนให้บรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายขึ้น จากภาพระยะสั้นยังเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว แนวโน้มกําไร 4Q21 แข็งแกร่ง และมี PER/PBV ไม่สูง

กลยุทธ์: เลือกลงทุนโดยเน้นหุ้น PER/PBV ต่ำ และหุ้นที่คาดกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : CK, EA, HMPRO, KBANK, ORI

หุ้นเด่นวันนี้: NSL

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท
  • แนวโน้ม 4Q21 จะตัวฟื้นแรง +83% Q-Q, +10% Y-Y ตามการ Reopen และโดยเฉพาะปัญหา Supply Chain ที่หมดไป ส่งผลให้ทั้งรายได้และ Margin ดาดฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ
  • เราคาดกําไรปี 2021 +25% Y-Y และเร่งตัวปีหน้า +44% Y-Y ล่าสุดมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต หักล้างผลกระทบต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นได้ ขณะที่ผลกระทบโอมิครอนเดือนม.ค. จำกัด มาก กอปรกับระยะถัดไปคาดจะเติบโตในกัมพูชาตาม 7-11 เช่นกัน
  • แนวรับ 19-18.80 บาท แนวต้าน 19.60 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคอีก US$ 480 ล้านนำโดยไต้หวัน US$ 408 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังผสมผสาน ไหลเข้าอินโดนีเซียและเวียดนาม แต่ยังไหลออกจากไทยสูงสุด US$ 89 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออก จากความกังวล FED ขึ้นดอกเบี้ยเร็ว หนุน Bond Yield พุ่งสูงสุดรอบ 2 ปี และเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) คนละครึ่งเฟส 4 เข้าครม. ไม่ทันในการประชุมวานนี้ อย่างไรก็ตาม จะเปิดลงทะเบียน 14 ก.พ. เช่นเดิม ส่วนวงเงินต่อคนยังไม่มีความชัดเจนว่าแต่มีโอกาสสูงกว่า 1,500 บาทต่อคน โดยรวมค่อนไปในทางบวกสำหรับกลุ่มค้าปลีก โดยเฉพาะกลุ่ม Hypermarket ที่ได้อานิสงส์ทางอ้อม

(+) Update กัญชา มีข่าวว่าวันนี้อย. เตรียมถกบอร์ดเพื่อปลดล็อกกัญชาออกจากรายชื่อสิ่งเสพติดให้โทษ หลังปัจจุบันให้ใช้ได้ในเชิงการแพทย์ และให้เฉพาะหน่วยงานภาครัฐ โดยเราเชื่อว่าจะมีเงื่อนไขการใช้ที่เข้มกว่ากัญชงส่วนผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าจะไปได้ คือ น้ำมันกัญชง น่าจะเป็นตลาดที่ไปได้ หุ้นที่เข้าข่ายได้ประโยชน์ ได้แก่ GUNKUL RS ORI TACC DOD EE ZIGA ALPHAX TWZ BC ROJNA JP SUN

(+) NRF คาดกำไรสุทธิ 4Q21 จะโตแรง Q-Q และ Y-Y อาจทำจุดสูงสุดใหม่ราว 120-130 ลบ. จากกําไรขายเงินลงทุน 25% ในธุรกิจกัญชง (GTH) และ Operation หลักเริ่มฟื้น และคาด 1H22 อาจรับรู้กำไรขายเงินลงทุนก้อนใหญ่ได้ต่อ เพราะมีแผนขายเงินลงทุนใน Boosted, US ล่าสุดมีข่าวสนใจเข้าสู่ธุรกิจ Cryptocurrency กำไรจาก Operation ปี 2022 ที่คาดฟื้น +291% Y-Y จากฐานต่ำ มีโอกาสดีกว่าคาด และนําไปสู่การปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจากปัจจุบันที่ 9 บาท ยังแนะนำ “เก็งกำไร”

(+) STEC คาดกำไรปกติ 4Q21 +43% Q-Q ฟื้นตัวหลังปิดแคมป์ใน 3Q21 แต่ -19% Y-Y เนื่องจากงานใหม่อยู่ในช่วงเริ่มต้นและการแข่งขันสูง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปี 2022 แข็งแกร่ง คาดกำไรกลับมา +71% Y-Y หลังหดตัวติดต่อกันในปี 2020-2021 Backlog ปัจจุบันแข็งแกร่งเทียบเท่ารายได้ 3 ปี รวมถึงมีแผนเข้าประมูลงานใหม่อีกมาก ระยะสั้นมี Catalyst จากประมูลรถไฟฟ้าม่วงใต้ คาดรู้ผลเดือนก.พ. นี้ คงราคาเหมาะสม 17 บาทแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 543.34 จุด หรือ 1.51% ปิดที่ 35,368.47 จุด หลังจากโกลด์แมนแซคส์กดดันจากการปรับลงของหุ้นกลุ่มธนาคารเปิดเผยกำไรลดลงใน 4Q21 รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐสูงสุดในรอบ 2 ปี

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลักๆ จากการปรับลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นของสหรัฐ

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลงตามทิศทางตลาดดาวโจนส์และแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.13 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.61 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 85.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่ากลุ่มกบฏฮูตีก่อเหตุโจมตีพื้นที่ชั้นในของ UAE ใกล้กับบริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (ADNOC)

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 4.1 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 1,812.4 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์และการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคํา 976.21 / +-

- Advertisement -