Our View? ”ตามตลาดต่างประเทศ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,655 /1,650 และแนวต้านที่บริเวณ 1,665 / 1,670 คาดตลาดจะได้รับแรงกดดัน Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศ ปรับตัวลงจากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐจะคุมเข้มนโยบายทางการเงิน สะท้อนจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นเร็วล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 1.8789% ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เรามองการปรับตัวขึ้นเร็วเกินไปของ US Bond Yield ทั้งอายุสั้น-ยาว จะเป็นปัจจัยระยะสั้นกดดันส่วนต่างผลตอบแทนของสินทรัพย์เสี่ยงเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ปลอดภัย (Earning Yield Gap) แคบลงเร็วเกินไป เป็นปัจจัยระยะสั้นกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ และทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะ Risk-off อีกคร้ัง

อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังเจ้าหน้าท่ี FED หลายรายออกมาส่งสัญญาณเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยทันทีท่ีมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ยุติลง หรือการประชุม FOMC เดือน มี.ค. โดยเรายังคงมุมมองประเด็นดังกล่าวไม่ใช่ปัจจัยใหม่ และตลาดรับรู้ประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว ล่าสุด CME FED Watch Tools ซึ่งเป็นเครื่องมือสะท้อนคาดการณ์ตลาดที่มีต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED บ่งชี้ FED มีโอกาส 91.6% ในการขึ้นดอกเบี้ยเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นการสะท้อนชัดว่าตลาด Price in ประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมหุ้นได้หากตลาดอ่อนตัวจากประเด็นดังกล่าว

สำหรับราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.พ. ยังคงปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เมื่อคืนนี้ปิดที่ 85.43 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.61 ดอลลาร์ (+1.925) โดยได้รับแรงหนุนจากการที่กลุ่มกบฏฮูตีได้ก่อเหตุโจมตีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ใกล้กับบริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (ADNOC) กระตุ้นความกังวลความตึงเครียดในตะวันออกกลาง อีกท้ังยังคงรับแรงหนุนจากผลกระทบของ Omicron ไม่ได้ ส่งผลต่ออุปสงค์น้ำมันดิบมากนัก ขณะที่เราคาดว่าการที่สมาชิกของ OPEC+ บางประเทศยังคงติดปัญหาไม่สามารถผลิตได้ตามโควต้า คาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นช่วยประคองตลาดหุ้นไทยได้บ้าง

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศสัปดาห์นี้ ยังคงแนะนำติดตามการเปิดเผยผลประกอบการ 4Q’64 นำโดยกลุ่มธนาคารที่จะเริ่มรายงานออกมาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยเราคาดว่ามีโอกาสทรงตัวจาก 3Q’64 แม้เราจะคาดว่าผลกำไรจะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่คาดการที่ ธปท. เริ่มให้ธนาคารกลับมาใช้มาตรการดูแลลูกหนี้ตามปกตแล้ว อาจจะกดดันทิศทางกำไรได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เรายังชอบหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB, TTB) ท่ีคาดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะสามารถทำให้สินเชื่อกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปีนี้ รวมทั้งทิศทางดอกเบี้ยโลกเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นขาขึ้น พร้อมทั้งการตั้ง ECL ที่คาดจะเริ่มปรับลดลง ตั้งแต่ในช่วง 1Q’65 อีกทั้งเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการท่ีนสพ.ข่าวหุ้นเปิดเผย KBANK เตรียมร่วมทุนกับ Binance ตั้ง Exchange Digital Assets ในไทย มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อ KBANK

รวมทั้งการท่ีศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ร.พ. รามาธิบดีเปิดเผยผลตรวจ COVID-19 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบเป็นสายพันธุ์ Omicron 97.1% สะท้อนแนวโน้มการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศใกล้จบลง และกลายเป็นโรคประจำถิ่นแทน เรามองเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Re-Opening ฟื้นตัวกลับข้ึนได้อีกครั้ง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “BLA”

เก็งกำไร แนวรับ 44.25 / 43.00 Target 48.00 / 50.00 Stop <42.50

- Advertisement -