Daily View
เมื่อคืนที่ผ่านมา Dow Jones ปรับฐานแรง 1.5% เผชิญแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 2 และ 10 ปี (New High ในรอบ 2 ปี) ซึ่งกลุ่มที่ถูกกดดันมากสุดจะเป็นกลุ่มที่ Valuation แพง (Tech) โดย NASDAQ ที่ถ่วงน้ำหนักด้วย TECH ค่อนข้างเยอะปรับฐานแรง 2.6% ปัจจุบันนักลงทุนคาดการณ์ว่าดอกเบี้ย สหรัฐในปี 22 จะขึ้นทั้งหมด 4 ครั้งในปีนี้ ดังนั้นมองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับฐานลงมาสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับเรื่องของดอกเบี้ยไปพอสมควร ขณะที่ประเทศไทย ด้วยการที่ไม่ได้มีหุ้น TECH เป็นหุ้นหลัก ประกอบกับดอกเบี้ยนโยบายทั้งปี 22 ยังคาดว่าจะคงทั้งปี รวมถึงเริ่มมีความหวังต่อสถานการณ์ระบาดในประเทศที่เริ่มดีขึ้น โดยพรุ่งนี้ภาครัฐจะมีการหารือเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการ และอาจกลับมาใช้ TEST&GO ทำให้ Downside SET เริ่มจำกัด ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยหนุนต่อกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) และโรงกลั่น (BCP SPRC TOP) รวมถึง SET INDEX โดยเมื่อคืนราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังมีรายงานออกมาว่า (UAE) ถูกโจมตีจากกลุ่มกบฏฮูตี ส่งผลกระทบต่ออุปทาน (UAE เป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 3 ในกลุ่ม OPEC) ประเมิน SET INDEX วันนี้เคลื่อนไหวกรอบ 1655–1665 เชื่อว่าแรงกดดันจากต่างประเทศมีผลจำกัดต่อตลาดหุ้นไทย เชิงกลยุทธ์การลงทุนการปรับตัวลงมามองเป็นโอกาสมากกว่า แนะใช้เป็นโอกาสค่อยๆสะสม แต่เน้นหุ้นที่มี ปัจจัยบวกรออยู่ และราคายังปรับตัวขึ้นน้อย อาทิ (BEM BJC CPALL M MAJOR MINT SHR) ท่องเที่ยว (SPA) ธนาคารพาณิชย์ (BBL) ส่วน Trading ระยะสั้นแนะกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP)
Stock Pick
PTTEP (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 146 บาท) คาดกำไรสุทธิ 4Q21 ที่แข็งแกร่ง 9.7 พันล้านบาท (+283% YoY, +2% QoQ) หากไม่รวมขาดทุนการด้อยค่าสินทรัพย์ US$200m จากโครงการโมซัมบิกและเยตากุน และกำไรการบันทึกกลับค่าใช้จ่ายการเลิกดำเนินงาน US$100m จากโครงการบงกช ก็คาดว่ากำไรปกติจะอยู่ที่ 1.32 หมื่นล้านบาท (+162%YoY, +20%QoQ)
TOP (ซื้อ /ราคาเป้าหมาย 67 บาท) คาดกำไรปกติจะโตต่อเนื่องในปี 2022 หลังฟื้นตัวขึ้นจากผลขาดทุนในปี 2020 และมีผลประกอบการแข็งแกร่งในปี 2021 หนุนจาก 1) ค่าการกลั่นที่ดีขึ้น 2) ผลประกอบการธุรกิจปิโตรเคมีที่มั่นคง และ 3) การรับรู้รายได้จากโครงการ CAP