บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
SRI TRANG GLOVES (THAILAND) คาดกำร 4Q64 ต่ำสุดในรอบ 6 ไตรมาส
Action
TRADING (Downgrade)
TP upside (downside) +11.1%
Close Jan 18, 2022 Price (THB) 29.25
12M Target (THB) 32.50
Previous Target (THB) 39.00
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 4Q64 ที่ 3,338 ลบ. (-27.4%QoQ, -60.4%YoY) ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้า จากปริมาณขายที่ต่ำจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และค่าขนส่งยังสูงขึ้นจากที่คาดว่าจะเร่ิมชะลอลง
- ปรับประมาณการกำไรปี 64 – 65 ลง 9% และ 16% ตามลำดับ
Our View
- เราคงมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มกำไรของ STGT
- ผลของการปรับประมาณการลง ทำให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ลดลงเป็น 32.50 บาท มี Upside gain 11% จึงลดคำแนะนำลงเป็น TRADING คาดเงินปันผล 4Q64 ที่ 1.00 บาท ให้ผลตอบแทน 3.4%
ASP หด ต้นทุนขนส่งเร่งตัวขึ้ นฉุดกำไร 4Q64
คาดรายได้ใน 4Q64 ที่ 8,606 ลบ. (-20.8% QoQ, -36.9% YoY) จากราคาขายเฉลี่ยต่อชิ้น (ASP) ที่ลดลงคาดที่ 1.18 บาท/ชิ้น (-23.0% QoQ, -38.1% YoY) ปริมาณการขายคาดที่ 7,300 ล้านชิ้น (+3.2% QoQ, +1.9% YoY) ซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่เคยคาดไว้ จากปัญหาการขาดแคลนคอนเทนเนอร์ GPM คาดที่ 50% ลดลงจาก 51% ใน 3Q64 และ 72% ใน 4Q63 เนื่องจากราคาขายที่ลดลง SG&A คาดที่ 630 ลบ. (+6.4% QoQ, +49.9% YoY) จากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการขนส่ง คาดกำไรปกติ 4Q64 ที่ 3,338 ลบ. (-27.4% QoQ, -60.4% YoY) ถือว่าต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะทรงตัวถึงลดลงเล็กน้อย QoQ ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณขายน้อยกว่าที่ประเมินไว้ จากปริมาณตู้ที่คลี่คลายช้ากว่าคาด รวมถึงต้นทุนการขนส่งยังสูงขึ้นต่อ จากเดิมที่ประเมินว่าจะเริ่มชะลอลงและถือเป็นระดับกำไรที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส
ปรับประมาณการกำไรปี 2564 – 2565 ลง 9–16%
แนวโน้ม 1Q65 คาดว่ายังใช้กำลังการผลิตไม่เต็มที่จากการขาดแคลนตู้ยังไม่คลี่คลาย ทำให้ปริมาณขายอาจเพิ่มขึ้นได้ไม่มาก และคาด ASP อาจลดลงได้อีกเล็กน้อยจากถุงมือยางสังเคราะห์ที่ปรับตัวลง จากการแข่งขันราคาของผู้ผลิตในจีนและมาเลเซีย แต่ถุงมือยางธรรมชาติราคายังทรงตัวด้วยปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ยาวนานกว่าคาด ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตต่ำกว่าที่เราคาดไว้เดิม เราจึงปรับประมาณการรายได้ปี 2564 ลง 18.1% และปรับรายได้ปี 2565 ลง 10.7% แต่ปรับประมาณการ GPM ขึ้นเป็น 63.2% จาก 58.8% และขึ้นเป็น 34.3% จาก 33.7% ในปี 2564-2565 เพื่อให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานในช่วง 9M64 และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ปรับประมาณการ SG&A ขึ้น 70% ในปี 2564 และ 82% ในปี 2565 เพื่อสะท้อนต้นทุนค่าขนส่งสินค้าที่สูง และยืดเยื้อกว่าที่คาด และต้นทุนพนักงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายโรงงาน ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2564 ลดลง 9.0% เป็น 25,569 ลบ. ประมาณการกำไรปี 2565 ลดลง 16.4% เป็น 9,338 ลบ.
ลดคําแนะนําเป็น TRADING ยังคงคาดจ่ายปันผลอีก 1.00 บาท
ผลของการปรับประมาณการลง ทำให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ถึง PER ที่ 10 เท่าเช่นเดิม ลดลงเป็น 32.50 บาท มี Upside gain เพียง 11.1% จึงลดคำแนะนำเป็น TRADING คาดเงินปันผลงวด 4Q64 ที่ราว 1.00 บาท (ให้ผลตอบแทน 3.4%) ซึ่งจะทำให้เงินปันผลทั้งปีอยู่ที่ 5.00 บาท คิดเป็น 56% ของกำไรสุทธิทั้งปีที่เราคาดการณ์ เทียบกับนโยบายที่ไม่น้อยกว่า 50% เนื่องจากบริษัทมีกระแสเงินสดค่อนข้างมาก เงินสดเป็นสินทรัพย์ที่มากที่สุดของบริษัท จึงมีโอกาสที่จ่ายเงินปันผลเกินกว่านโยบายได้ สำหรับนักลงทุนที่มีสถานะและชอบเงินปันผลแนะนำถือ ส่วนนักลงทุนที่ไม่มีสถานะและคาดหวังส่วนต่างราคา เรามองว่าจะน่าสนใจเข้าลงทุนก็ต่อเมื่อ 1) ASP เริ่มหยุดลงหรือเพิ่มขึ้นหรือลดลงน้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิต 2) ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์คลี่คลาย ราคาค่าขนส่งลดลง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในช่วง 2H65 ซึ่งจะทำให้กำไรของ STGT กลับมาเติบโต YoY ได้