บล.เอเซีย พลัส: 

ธุรกิจจะกลับมาฟื้นตัวในปี 2565

คาดกําไรสุทธิงวด 4Q64 เท่ากับ 1.25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%qoq (แต่ลดลง 9%yoy) จากแนวโน้มสินเชื่อสุทธิเติบโตต่อเนื่องจากการขยายสาขา และผลบวกจากการคลาย lock down ซึ่งยังเป็นแรงหนุนให้แนวโน้มกําไร สุทธิงวด 1Q65 ยังเติบโตต่อเนื่องจากงวด 4Q64

คาดกําไรสุทธิปี 2565 จะพลิกกลับมาเติบโต 17% yoy จากแนวโน้มสินเชื่อสุทธิปี 2565 เติบโตถึง 25%yoy กําหนด FV ปี 2565 เท่ากับ 66 บาท ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 10% ในรอบ 2 เดือนจนมี PBV เพียง 4.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ถึง 2.5 SD จึงปรับเพิ่มคําแนะนําเป็นซื้อ รับการฟื้นตัวของธุรกิจในปี 2565

สินเชื่อหนุนแนวโน้มกําไรสุทธิงวด 4Q64 ฟื้นตัว

คาดกําไรสุทธิงวด 4Q64 เท่ากับ 1.25 พันลา้นบาท เพิ่มข้ึน 3.8%qoq (แต่ลดลง 9.0% yoy) มีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) คาดการณ์สินเชื่อสุทธิงวด 4Q64 จะเติบโตถึง 8.0%qoq และ 29.3% yoy สู่ระดับ 9.2 หมื่นล้านบาท  อานิสงค์จากการคลาย lockdown และเป็นช่วงฤดูกาลใช้เงิน อาทิ การเข้าช่วงเทศกาลปีใหม่และช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร เป็นต้น หนุนแนวโน้มความต้องการใช้เงินเพิ่มข้ึน และผลบวกจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดย MTC มีสาขา ณ ส้ินงวด 4Q64 ทั้งสิ้น 5,799 สาขา เพิ่มขึ้นถึง 134 สาขา จากส้ินงวด 3Q64

หักล้างผลกระทบจาก

1) แนวโน้ม Spread เฉลี่ยงวด 4Q64 ที่จะอ่อนตัวลงมาที่ 14.8% จาก 15.2% ในงวด 3Q64 ผลกระทบจากแนวโน้ม Yields เฉลี่ยงวด 4Q64 อ่อนตัวลงมาท่ี 18.3% จาก 18.6% ในงวดก่อน จากการปล่อยสินเช่ือใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อสัญญาเก่าที่ครบกําหนดแล้ว ขณะท่ีคาด Cost of funds เฉลี่ยงวด 4Q64 จะทรงตัวจากงวด 3Q64 ที่ระดับ 3.5% และ

2) คาดการณ์ Credit cost งวด 4Q64 อยู่ที่ 1.0% เพิ่มข้ึนเล็กน้อยจาก 0.9% จากแนวโน้มการตั้งสํารองหนี้สูญฯเพิ่มขึ้นตามการปล่อยสินเชื่อใหม่ท่ีเพิ่มข้ึนในงวด 4Q64 ขณะที่แนวโน้มความสามารถในการชําระหน้ีของลูกหนี้ก็ลดลงจากงวดก่อนเล็กน้อย ผลกระทบจากการ Lock down ในงวด 3Q64 ทําให้ฐานะการเงินของลูกหนี้บางส่วน อ่อนแอลง ส่งผลให้แนวโน้มสัดส่วน NPL/สินเช่ือ รวม ณ สิ้นงวด 4Q64 จะเพิ่มข้ึนมาที่ 1.3% จาก 1.2% ณ สิ้นงวด 3Q64 นอกจากน้ี ยังคาด Coverage ratio ณ สิ้นงวด 4Q64 จะปรับลดลงมาที่ 152.3% จาก 160.2% ณ ส้ินงวด 3Q64 แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

ขณะท่ีคาดสัดส่วน Cost to income ratio งวด 4Q64 จะทรงตัวสูงต่อเนื่องจากงวด 3Q64 ท่ีระดับ 51.2% เนื่องจากคาดว่า MTC ยังมีการจ่ายเงินค่าจูงใจ (incentive) ให้พนักงานในการจัดเก็บหน้ีต่อเนื่องในปี 2564 เพราะยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการระบาดของโควิดต่อเนื่อง

โดยรวมแล้วคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2564 เท่ากับ 5.1 พันล้านบาท ลดลง 2.4%yoy ต่ำกว่าประมาณการกําไรสุทธิปี 2564 ท่ีฝ่ายวิจัยประเมินไว้ 2%

ทิศทางกําไรจะกลับมาฟื้นตัวในปี 2565

คงประมาณการ คาดกําไรสุทธิปี 2565 จะพลิกกลับมาเติบโต 16.7% yoy จากแนวโน้มสินเชื่อสุทธิปี 2565 เติบโตถึง 25.0% yoy จากแนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว

ทั้งนี้ คาดกําไรสุทธิงวด 1Q65 จะเติบโตจากงวด 4Q64 จากแนวโน้มสินเช่ือเติบโตต่อเนื่อง ผลบวกจากการขยายสาขา ส่งผลบวกต่อการได้ลูกค้าใหม่มากข้ึน

เพิ่มคําแนะนําเป็น ซื้อ…รับการฟื้นตัวในปี 2565

กําหนด FV ปี 2565 เท่ากับ 66 บาท อิง PBV 4.6 เท่า ตามวิธี GGM ภายใต้คาดการณ์ ROE เฉลี่ย 22.0% ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 10% ในช่วง 2 เดือนท่ีผ่านมา จนมี PBV ที่ 4.1 เท่า มีส่วนลดจากค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี ถึง 2.5 SD อีกทั้งยังมี Upside อีกราว 14% จึงปรับเพิ่มคําแนะนําเป็น ซื้อ (เดิม Switch) รับการฟื้นตัวของธุรกิจในปี 2565

การทําธุรกิจโดยให้ความสําคัญต่อ ESG

MTC ให้ความสําคัญกับการทําธุรกิจแบบยั่งยืน และ ESG โดยสามารถสรุปได้ดังน้ี

Environmental: ประหยัดกระดาษ เช่น การใช้ใบเสร็จอิเล็คโทรนิคส์ เป็นต้น

Social: ช่วยเหลือให้บริการลูกค้าให้มีเงินทุนหมุนเวียนด้านการดํารงชีพ ให้คําแนะนําลูกค้าด้านการเงิน

Governance: การกํากับดูแลกิจการท่ีดี ต่อต้านคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ

ประเด็นความเสี่ยง

  1. สินเชื่อสุทธิเติบโตต่ำกว่าคาด จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มรายได้และกําไรสุทธิของ MT
  2. คุณภาพสินทรัพย์และแนวโน้มการเกิด NPL ใหม่
  3. อัตราดอกเบี้ยเป็นขาข้ึ
  4. กฎหมายและข้อบังคับจากภาครัฐ
- Advertisement -