KS Daily View 20.01.2022 >>> กลุ่มธนาคารใหญ่สหรัฐฯ เตรียมรับมือค่าจ้างเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีนี้/ภาพการลงทุนยังเน้นหุ้นกลุ่ม Value, Dividend และอ้างอิงการบริโภคภายในประเทศ/ SET คาด 1650-55 หุ้นแนะนำ SABINA

 

ตลาดต่างประเทศ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังปรับตัวลงต่อเนื่อง นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวลงสู่ระดับ Correction ขณะที่รายงานผลประกอบการกลุ่มการเงินสหรัฐฯที่ทยอยรายงานออกมามีบวกลบสลับกันไปโดยภาพรวมธุรกิจที่เติบโตได้ดีคือกลุ่มธุรกิจ Consumer banking, กลุ่มธุรกิจ Wealth management และกลุ่ม Investment banking อย่างไรก็ตามธนาคารรายใหญ่สหรัฐคาดค่าใช้จ่ายปีนี้มากขึ้นจากค่าแรงพุ่งทุกภาคส่วนและเตรียมรับมือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเงินเดือนและสวัสดิการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยธนาคารรายใหญ่ที่สุด 6 รายในสหรัฐ ได้แก่ เจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป, เวลส์ ฟาร์โก, มอร์แกน สแตนลีย์ และโกลด์แมน แซคส์ ได้ประกาศปรับขึ้นเงินเดือนให้พนักงานบางส่วนในปี 2564 และได้เปิดเผยการคาดการณ์ว่า ค่าใช้จ่ายในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีก ข่าวดังกล่าวถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นหากผลักไปให้ผู้บริโภคไม่ได้ก็อาจไปกดดันอัตรากำไรของบริษัทแทน นอกจากนี้ ค่าแรงที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องอาจแสดงถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสูงที่อาจไม่ได้ชะลอตัวลงในครึ่งปีหลังอย่างที่ตลาดคาด กดดันให้ Fed อาจต้องดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นได้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 3 ปี แสดงถึงอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกเป็นขาขึ้นในปีนี้ กดดันหุ้นกลุ่ม growth และสนับสนุนหุ้นกลุ่ม Value อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์เริ่มกลับมาพูดถึงสภาวะ stagflation (สภาพเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่เงินเฟ้อพุ่งสูงต่อเนื่อง) อาจเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี ซึ่งสภาวะดังกล่าวจะกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นโลกโดยรวม

ตลาดภายในประเทศ: คนกรุงเทพฯ ปรับพฤติกรรม รับค่าครองชีพที่ทยอยเพิ่มขึ้น จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ยังคงมองว่าปัญหาค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้นอาจจะลากยาวมากกว่า 1 ปีดังนั้น ในระยะสั้น นอกเหนือจากการออกมาตรการของภาครัฐที่ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้บริโภคได้บางส่วน รวมถึงการตรึงราคาสินค้า/ลดราคาสินค้าของภาคธุรกิจ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคแล้ว ในระยะยาว ภาครัฐและเอกชนควรเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาอุปทานขาดแคลน (Supply shortage) ตลอดจนการเพิ่มโอกาสการแข่งขันของผู้ประกอบการรายย่อยในตลาดควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ ภาคธุรกิจจะต้องมีความยืดหยุ่นและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนให้มากขึ้น เพื่อชะลอการปรับเพิ่มขึ้นของราคาและสร้างโอกาสการเติบโตในระยะถัดไป

ภาพการลงทุนตลาดหุ้นไทย คาดยังสอดคล้องกับภาพตลาดหุ้นโลก เน้นลงทุนหุ้นกลุ่ม Value, Dividend และอ้างอิงกับการบริโภคภายในประเทศเป็นหลักในสภาวะที่ตลาดหุ้นยังมีความผันผวนสูงและการทำ sector rotation growth ไปยัง value ยังคงดำเนินต่อไปในช่วงนี้.

มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1650-55 หุ้นแนะนำ SABINA

Top pick: SABINA (ราคาพื้นฐาน 27.55 บาท) คาดกำไร 4Q21 เติบโต +15.3% YoY +46.7% QoQ การเปลี่ยนผู้นำบริษัทเป็นโอกาสในการเติบโตและยึดส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเติมจากการแข่งขันที่อ่อนแอ.

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพฤหัสฯ ติดตาม การกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Loan Prime Rate 1 ปีของจีนคาดคงดอกเบี้ยที่ 3.8% ดัชนี PPI ของเยอรมันเดือน ธ.ค. คาด +19.4% YoY ตัวเลข การขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ รายสัปดาห์คาด +2.32 แสนคน ตัวเลข Existing Home Sales เดือน ธ.ค. คาด 6.35 ล้านยูนิต (-2% MoM) และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ

วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของไทยเดือน ธ.ค. ตัวเลข Inflation rate ของญี่ปุ่น เดือน ธ.ค. คาด +0.7% YoY และถ้อยแถลงของ ECB Lagarde

- Advertisement -