Daily Focus Selective Buy on Earnings and Low PER/PBV

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ตามคาด แม้ระหว่างวันจะปรับตัวในแดนบวกได้ดี แต่มีแรงขายออกกดดันช่วงบ่าย โดยเฉพาะหุ้นที่มี PER สูง และทำให้ดัชนีปิดลบอีกเล็กน้อย 1.28 จุด สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.8 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 2.6 พันลบ. (สถานะใน SET50 Index Futures ไม่มีนัยยะนัก)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index จะยังแกว่งในแดนลบและลงทดสอบแนวรับสำคัญ 1,650 +- จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใส และเม็ดเงินยังคงไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นเติบโตและกลุ่มเทคโนโลยี โดยเป็นผลจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่เร่งตัวทั่วโลก และหนุนให้ธนาคารกลางจะเริ่มมีนโยบายการเงินที่ตึงตัว ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การประชุม FED ในสัปดาห์หน้า ว่าจะมีการส่งสัญญาณเรื่องขึ้นดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุลมากน้อยเพียงใด ส่วนปัจจัยในประเทศยังอยู่ที่การประกาศผลประกอบการของกลุ่มธนาคาร รวมถึงติดตามสถานการณ์การเมืองเริ่มและเสถียรภาพของรัฐบาล ในเชิงกลยุทธ์ยังเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แนวโน้มกําไร 4Q21 แข็งแกร่งและมี PER / PBV ไม่สูง คาดว่าจะเผชิญแรงขายที่จำกัด และมี Outperform ตลาดได้ในระยะนี้

กลยุทธ์: เลือกลงทุนโดยเน้นหุ้น PER / PBV ต่ำ และหุ้นที่คาดกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : CK, EA, HMPRO, KBANK, ORI

หุ้นเด่นวันนี้: NSL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท
  • แนวโน้ม 4Q21 จะตัวฟื้นแรง +83% Q-Q, +10% Y-Y ตามการ Reopen และโดยเฉพาะปัญหา Supply Chain ที่หมดไป ส่งผลให้ทั้งรายได้และ Margin คาดฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ
  • เราคาดกําไรปี 2021 +25% Y-Y และเร่งตัวปีหน้า +44% Y-Y ล่าสุดมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต หักล้างผลกระทบต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นได้ ขณะที่ผลกระทบโอมิครอนเดือนม.ค. จำกัดมาก กอปรกับระยะถัดไปคาดจะเติบโตในกัมพูชาตาม 7-11 เช่นกัน
  • แนวรับ 19-18.80 บาท แนวต้าน 19.60 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$ 533 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$ 330 ล้าน และ US$ 102 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลออกทุกประเทศ นำโดยไทย US$ 78 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทางไหลออก โดยยังถูกกดดันจากนโยบายการเงิน FED ที่จะดึงตัว และเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ศบค. ผ่อนคลายมาตรการคุม COVID-19 ทั้งการปรับสี 25 จังหวัดเป็นสีเหลือง ให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้ รวมถึงกลับมาเริ่มใช้มาตรการ Test & GO อีกครั้งในวันที่ 1 ก.พ. นี้ โดยไม่จำกัดประเทศ รวมถึงเพิ่มพื้นที่ Sandbox หลายแห่ง เรามองบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว ทั้งสนามบิน สายการบิน และโรงแรม

(+) กลุ่มอสังหาฯ มีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่น และเคลื่อนไหวแข็งแกร่งกว่าตลาด เราคาดว่าได้อานิสงส์ตามเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว รวมถึงการเปิดโครงการใหม่ในอัตราเร่ง หลังสถานการณ์เริ่มกลับมาปกติ ขณะที่ Valuation ของกลุ่มยังถูกเทรด PER เพียง 8-9 เท่า และให้ Dividend Yield กว่า 6% เราเลือก ORI และ SC เป็น Top Pick

(+) TTB กำไร 4Q21 แข็งแกร่ง +19% Q-Q, +127% Y-Y ดีกว่าตลาดคาด 14% จากรายได้ค่าธรรมเนียมและสำรองที่ดีกว่าคาด หนุนกำไรทั้งปี 2021 +4% Y-Y เรายังคาดกำไรปี 2022 เติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคาร +32% Y-Y ได้อานิสงส์จากการควบรวมเต็มปี ขณะที่ Valuation ยังถูก ยังคงราคาเป้าหมาย 1.80 บาทแนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) KKP กำไร 4Q21 +37% Q-Q, +83% Y-Y ดีกว่าตลาดคาด 46% จากสินเชื่อที่โตแกร่ง และกำไรพิเศษจากการ Write-off NPL หนุนทั้งปี 2021 +23% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 74 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(-) BBL กำไร 4Q21 -9% Q-Q, +164% Y-Y ต่ำกว่าตลาดคาด 9% จากการตั้งสำรองที่สูง ทำให้กำไรทั้งปี 2021 +54% Y-Y จากฐานต่ำปีก่อน ยังคงราคาเป้าหมาย 134 บาท แนะนํา “ถือ” (Source: FSSIA)

(+) STANLY เป็นหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่ PER ต่ำ เพียง 8.2 เท่า และ PBV เพียง 0.7 เท่า ขณะที่การเติบโตของกำไรในปี 2022-24 คาด +14% CAGR คิดเป็น PEG 0.59 เท่า ก๋าใร 3Q22 (ต.ค.-ธ.ค. 2021) คาด +53% Q-Q, -5% Y-Y หนุนทั้งปี 2022 (สิ้นสุด มี.ค. 2022) +46% Y-Y และคาด STANLY ได้อานิสงส์จาก Trend EV เพราะโคมไฟและฟลอดไฟยังเป็นชิ้นส่วนสำคัญ เราประเมินราคาเป้าหมาย 250 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) DRT คาดกำไรกำไร 4Q21 ทรงตัว Y-Y แต่ -20% Q-Q แม้ยอดขายแกร่ง แต่ถูกกดดันจากต้นทุนทำให้กำไรปี 2021 คาด +8% Y-Y ส่วนปี 2022 คาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย +2% Y-Y ตามเศรษฐกิจและคาดเห็นการปรับขึ้นราคาขายราคาหุ้นปรับขึ้นจนเท่ากับราคาเป้าหมายที่ 8.50 บาท จึงลดคำแนะนำเป็น “ถือ” รับปันผล 2H21 คาดจ่าย Yield 2.6%

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 313.26 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 34,715.39 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกหนุนจากหุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่ปรับขึ้น หลังจากไรอันแอร์เปิดเผยมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มการเดินทางในปี 2022

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลงตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ รวมถึงตลาดหุ้นโตเกียวที่กดดันจากความกังวลว่าญี่ปุ่นเตรียมใช้มาตรการงฉุกเฉินในจังหวัดต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.04 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 6 เซนต์หรือ 0.1% ปิดที่ 86.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 700,000 บาร์เรล

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 60 เซนต์หรือ 0.03% ปิดที่ 1,842.60 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 980.86 / -0.58

- Advertisement -