บล.ทิสโก้:
SCG Ceramics คาดกกำไร 4Q ลด แต่กำไรปีนี้น่าจะยังเติบโต
แนวโน้มกำไรปีนี้ยังโตจากดีมานด์ที่คาดว่าจะฟื้นตัว การขึ้นราคาขายและออกสินค้าใหม่
เราคาดว่ากำไร 4Q21F ของ COTTO จะลดทั้ง YoY และ QoQ แม้จะผ่อนคลาย Lockdown เนื่องจากในไตรมาสนี้ไม่มีการขายที่ดินเหมือนใน 3Q21 และกำไรจากธุรกิจกระเบื้องคาดว่าจะลดเนื่องจากต้นทุนพลังงานเพิ่ม แม้จะปรับราคาขายขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังไม่เท่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจติดตั้งโซลาร์เซลก็ยังคงไปได้เรื่อยๆ ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา เราคาดว่าในปีนี้ดีมานด์กระเบื้องจะดีขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว, การปรับราคาขายขึ้น, การออกสินค้าใหม่ และรายได้จากธุรกิจติดตั้งโซลาร์เซลจะช่วยผลักดันให้กำไรของบริษัทยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่ Upside ที่ จำกัด ทำให้เราคงคำแนะนำ ถือ
คาดกำไรลดจากต้นทุนเพิ่ม และไม่มีการขายที่ดิน
เราคาดว่า COTTO จะประกาศกำไรสุทธิใน 4Q21F ที่ 106 ล้านบาทลด 16.5% YoY (หากไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษจากโครงการ Mutual separation และค่าปรึกษา) และ 34.4% QoQ โดยสาเหตุที่กำไรลด YoY มาจาก Gross margin ที่คาดว่าจะลดลงจาก 27.3% เหลือ 26.5% เนื่องจากต้นทุนก๊าซเพิ่มขึ้น ส่วนสาเหตุที่คาดกำไรลด QoQ เนื่องจากในไตรมาสนี้ไม่มีการขายที่ดิน หากไม่รวมกำไรจากการขายที่ดิน 51 ล้านบาท กำไรใน 4Q21F จะลด 4.3% QoQ เนื่องจากคาด Gross margin ของกระเบื้องเซรามิคจะลดลงเล็กน้อยจาก 26.6% เป็น 26.5% เป็นผลมาจากการปรับราคาขายขึ้นยังน้อยกว่าต้นทุนที่เพิ่ม
คาดกำไรปี 2022F ยังเติบโตจากดีมานด์ฟื้นตัว การขึ้นราคาขายสะท้อนต้นทุนที่เพิ่ม และออกสินค้าใหม่
เราคาดว่าความต้องการกระเบื้องเซรามิคในปีนี้จะฟื้นตัวตามสภาพเศรษฐกิจ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะปรับราคาขายขึ้นอีกเพื่อสะท้อนต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามดีมานด์ ทำให้เราคาดว่า Gross margin ของกระเบื้องเซรามิคน่าจะดีขึ้นจาก 28.2% ในปี 2021F เป็น 28.8% และ 28.9% ในปี 2022-23F นอกจากนั้นการออกสินค้าใหม่ เช่น Air lon Tile รวมถึงเปิดสาขาคลังเซรามิคเพิ่มอีก 5-7 สาขา และเพิ่มเป็น 100 สาขาภายในปี 2023 รวมถึงรายได้จากธุรกิจติดตั้งระบบ Solar Cell จะช่วยหนุนรายได้และกำไรให้เติบโตในปี 2022-23F
คงคำแนะนำ ถือ โดยมีราคาเป้าหมายใหม่ที่ 2.56 บาท
เราปรับประมาณการกำไรปี 2021-23F ลง 5.6%, 2% และ 2.5% โดยเพิ่มต้นทุนและราคาขายตามสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้น ราคาเป้าหมายที่คิดจาก PER ปี 2022F ที่ 21.4x (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของบริษัท +1 Stdev) ลดลงจาก 2.60 บาท เป็น 2.56 บาท เนื่องจากมี Upside ไม่มาก เราจึงคงคำแนะนำ ถือ
ความเสี่ยงด้านบวก คือ ดีมานด์กระเบื้องและยอดขายที่ดินดีกว่าคาด, ต้นทุนพลังงานและค่าใช้จ่าย S&A ต่ำกว่าคาด, การขึ้นราคาขาย
ความเสี่ยงด้านลบ คือ ดีมานด์ซบเซาต้นทุนเพิ่ม และการแข่งขันรุนแรง