บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

MK RESTAURANT GROUP ฟื้นตัวชัดเจน … ต้นทุนเนื้อสัตว์ที่สูงขึ้นยังไม่น่ากังวล

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +24.4%

Close Jan 28, 2022 Price (THB) 52.25

12M Target (THB) 65.00

Previous Target (THB)  65.00

What’s new?

  • เราคาดกำไรปกติ 4Q64 ที่ 235 ลบ. (พลิกจากขาดทุน 257 ลบ. ใน 3Q64, -32.7%YoY) จาก SSSG ที่ฟื้นตัว และ Traffic ในร้านที่สูงขึ้น หนุนสัดส่วนรายได้การทานในร้าน และ GPM
  • คาดเห็นการฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องใน 1Q65 และปี 2565 แม้ต้นทุนจะสูงข้ึน แต่ประเมินว่าสถานการณ์ที่กลับมาปกติไม่มีการ Lockdown อีกจะเป็นปัจจัยที่คลายล็อคผลประกอบการ และชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นได้

Our view

  • เราคงมุมมองเชิงบวกในระยะยาวของ M ที่จะฟื้นตัวเด่นในปี 2565 และมีปัจจัยกดดันใหม่อย่างต้นทุนเนื้อสัตว์บกที่สูงขึ้น แต่คาด GPM จะถูกชดเชยได้บางส่วนจากสัดส่วนการทานในร้านที่สูงขึ้น และบริษัทมีโอกาสปรับราคาขายขึ้นอีกได้ เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 1,670 ลบ.
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 65.00 บาท มี Upside gain 23.2%

กำไรฟื้นตัว QoQ แบบ V-Shape

เราคาดรายได้ 4Q64 ที่ 3,435 ลบ.(+74.1%QoQ,-4.7%YoY) แม้การฟื้นตัวจะยังไม่กลับมาปกติเท่ากับ 4Q63 ที่มียอดผู้ติดเชื้อใกล้เคียงศูนย์แต่เราคาด QoQ จะฟื้นตัวเด่นหลังสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศคลี่คลาย ประกอบกับเป็น High season ช่วงเทศกาลในเดือนธ.ค.หนุน Traffic ในร้านอาหาร ทำให้ SSSG ของ MK, Yayoi และ LCS คาดอยู่ที่ -1%, +5% และ -10% ตามลำดับ เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนเทียบกับ 3Q64 ที่ -48%, -40% และ -55% ตามลำดับ และสัดส่วนการทานในร้านเพิ่มเป็นราว 90% ของรายได้รวมหนุน GPM ให้ปรับตัวดีขึ้น (GPM การขายแบบทานในร้านสูงกว่าแบบ Delivery) เราคาด GPM ที่ 63.4% เพิ่มขึ้นจาก 60.1% ใน 3Q64 ขณะที่ SG&A คาดที่ 1,933 ลบ.เพิ่มขึ้นจาก 1,544 ใน 3Q64 ตามการจ้างงานพนักงานตามสาขาที่สูงขึ้น โดยรวมเราคาดกำไรปกติใน 4Q64 จะฟื้นตัวเด่นแบบ V-Shape ที่ 235 ลบ.(พลิกจากขาดทุน 257ลบ.ใน 3Q64, -32.7%YoY)

แม้ต้นทุนสูงขึ้น แต่จะชดเชยด้วย Traffic ในร้านท่ีกลับมาใกล้เคียงปกติ

เราประเมินแนวโน้มกำไร 1Q65 เบื้องต้นจะเติบโตต่อเนื่องทั้ง QoQ และ YoY ขณะที่ทั้งปี 2565 หากไม่มี ปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมมากระทบ เราประเมินว่าการฟื้นตัวของ M จะดีขึ้นอย่างมีนัยยะจากฐานที่ต่ำในปี 2564 และตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอัตราการบริโภคสินค้าในประเทศ ประกอบกับปัจจัยหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเป็นอีกกลุ่มลูกค้าหลักของ M จะทยอยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสาขาตามแหล่งท่องเที่ยว และร้านแหลมเจริญซีฟู้ด (LCS) นอกจากนี้ บริษัทจะกลับมาเดินหน้าขยายสาขาที่ระดับปกติเฉลี่ยราว 10 สาขา/แบรนด์/ปี ได้อีกครั้ง โดยรวมเราคาด SSSG ปี 2565 จะกลับมาเติบโตเฉลี่ยที่ระดับ 25 – 30% ต่อแบรนด์ สัดส่วนการทานในร้านที่มากขึ้นจะช่วยหนุน GPM, ชดเชยราคาต้นทุนเนื้อสัตว์บกที่ปรับสูงขึ้น (ต้นทุนเนื้อสัตว์บกคิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของ COGS) และบริษัทมีโอกาสที่จะปรับราคาขายขึ้นได้อีกเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น

ขณะที่ประเด็นค่าแรงขั้นต่ำ หากมีการปรับขึ้นจริงอาจมีผลกระทบต่อกำไรของ M ด้วย ค่าแรงของพนักงานตามสาขาคิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของค่าใช้จ่ายในการขายของบริษัท อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าค่าแรงของบริษัทจะถูกปรับขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้น เนื่องจากค่าแรงพนักงานปัจจุบันสูงกว่าค่าแรงในตลาดอยู่แล้ว เราประเมินเบื้องต้นค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น 10% จะมี Downside ต่อประมาณการปี 2565-66 ของเราราว 3% และ 4% ตามลำดับ บนสมมติฐานที่กำลังซื้อของผู้บริโภคไม่ได้สูงขึ้นตามค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้น

คงประมาณการกำไร และคงคำแนะนำ “ซื้อ”

แม้จะมีปัจจัยกดดันใหม่เพิ่มอยู่บ้าง แต่จากแนวโน้มการฟื้นตัวของรายได้และ GPM ที่ชัดเจนในปี 2565 ทำให้เรายังคงมุมมองบวกต่อผลประกอบการของ M ที่จะยังฟื้นตัวเด่นจากแบรนด์ร้านอาหารที่แข็งแกร่ง คงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ของ M ที่ 1,670 ลบ. เป็นระดับกำไรที่ยังต่ำกว่าช่วงก่อน COVID-19 อยู่ราว 36% และคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 65.00 บาท

- Advertisement -