บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

MINOR INTERNATIONAL ภาพปี 2565 ฟื้นชัดเจน … ถึงเวลาเพิ่มน้ำหนักการลงทุน

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +33.6%

Close Jan 28, 2022 Price (THB) 30.50

12M Target (THB) 40.75

Previous Target (THB)  40.75

What’s new?

  • คาด 4Q64 ขาดทุนลดลงทั้ง QoQ และ YoY หนุนจากภาพการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม Occ.Rate และ ADR ปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ส่วนธุรกิจอาหารทรงตัว QoQ แต่ลดลง YoY อาหารในไทยเริ่มฟื้นตัว แต่ต่างประเทศยังถูกกดดัน
  • คาด 1Q65 ถูกกดดันจาก Omicron ที่ระบาดหนักทั่วโลก แต่เราคาดเป็นผลกระทบเพียงระยะสั้น และจะเห็นภาพการฟื้นตัวอีกครั้งใน 2Q65 จากตัวเลขการฉีดเข็มกระตุ้นที่เร่งตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

Our view

  • เราคงประมาณการปี 2565 ที่กำไรปกติ 1.4 พันล้านบาท แม้ช่วง 1Q65 ผลประกอบการจะถูกกดดันจากการระบาดหนักของ Omicron แต่เราคาดผลกระทบจะเกิดขึ้นในระยะสั้น และคาดจะเห็นการฟื้นตัวแรงตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 40.75 บาทต่อหุ้น อิง EV/EBITDA ที่ 12x เทียบเท่ากับ +1.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เรายังให้ MINT เป็นตัวเลือกเด่นกลุ่ม Tourism

คาดผลประกอบการ 4Q64 ขาดทุนลดลง QoQ และ YoY // สัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง

คาดผลประกอบการ 4Q64 ขาดทุนปกติที่ 2.1 พันล้านบาท ดีขึ้น QoQ เทียบกับขาดทุน 2.4 พันล้านบาทใน 3Q64 และดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ YoY เทียบกับขาดทุน 4.3 พันล้านบาทใน 4Q63 สรุปสาระสำคัญดังนี้

1) ธุรกิจโรงแรม คาดมีแนวโน้มฟื้นตัวทั้ง QoQ และ YoY คาด Occ. Rate รวมอยู่ที่ระดับ 50% เทียบกับ 46% ใน 3Q64 และ 23% ใน 4Q63 กลุ่มโรงแรมที่มีการฟื้นตัวเด่น คือ โรงแรมในยุโรป (คาด Occ. Rate ที่ 60% เทียบกับ 3Q64 ~49%) และ Maldives (คาด Occ. Rate ที่ 65% เทียบกับ 3Q64 ~55%) ส่วนตลาดไทยเริ่มเห็นการฟื้นตัวเล็กน้อย (คาด Occ. Rate ที่ 23% เทียบกับ 3Q64 ~17%) จากการคลาย Lockdown และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มกลับมาหลังจากเปิดประเทศ นอกจากนี้ เราคาด ADR เฉลี่ยทั้งกลุ่มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +10% YoY

2) ธุรกิจอาหาร คาด SSSG ใน 4Q64 เฉลี่ยที่ 3% YoY ดีขึ้นจาก 7% YoY ใน 3Q64 หนุนจากการฟื้นตัวในไทยเป็นหลัก แต่ตลาดในจีนและออสเตรเลียยังถูกกดดัน -9% YoY จากการ Lockdown ในบางพื้นที่

3) คาด SG&A ใน 4Q64 ที่ 9.4 พันล้านบาท (+23% QoQ, +48% YoY) ปรับเพิ่มขึ้นตามรายได้ แต่เราประเมินว่าการควบคุมค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้จะยังทำได้ดี จึงคาด SG&A to sales ที่ระดับ 40% ใกล้เคียงใน 3Q64 หากขาดทุนออกมาตามคาด ขาดทุนปกติทั้งปี 2564 จะอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงคาดการณ์ทั้งปีของเรา

ตลาดยุโรปจะเริ่มฟื้นตัวได้ตั้งแต่ 2Q65 ส่วนตลาดไทยรอ… 2H65

ใน 1Q65 เราคาดผลประกอบการของ MINT จะถูกกดดันจากการระบาดของ Omicron ทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป (สัดส่วน 65% ของ Port) อย่างไรก็ดี เราคาดผลกระทบจะเกิดขึ้นในระยะสั้น และเห็นภาพการฟื้นตัวอีกครั้งใน 2Q65 ถึงสมมติฐานสำคัญหากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถึงระดับ 70% อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในโซนยุโรปจะกลับเข้าสู่แนวโน้มการฟื้นตัว ขณะที่ระดับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นประเทศหลักของ MINT ในยุโรปอย่าง Spain Italy และ Germany อยู่ที่ระดับ 40-50% ของประชากรแล้ว คาดจะถึงระดับ 70% ได้ภายใน 1Q65 ทำให้คาดเห็นภาพการฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q65 ซึ่งจะเริ่มเข้าสู่ช่วง Season เป็นไปได้ไม่ยาก

ปัจจุบันหลายประเทศในยุโรปเริ่มออกมาตรการกดดันให้กลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนใช้ชีวิตยากขึ้น เช่น ฝรั่งเศสมี การเริ่มบังคับใช้แล้วว่าประชาชนต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าใช้บริการพื้นที่สาธารณะต่างๆ หรือใน ออสเตรียเพิ่งผ่านกฎหมาย และเตรียมใช้ในเดือนก.พ.65 โดยบังคับให้คนที่อายุ 18 ปีขึ้นไปต้องรับการฉีดวัคซีน COVID-19 ให้ครบตามเงื่อนไข ไม่เช่นนั้นอาจโดนโทษปรับ มาตรการกดดันเกิดขึ้นจากแนวคิดว่าการเกิดภูมิคุ้มกัน หมู่จะช่วยลดความรุนแรงของโรค และทำให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติให้ได้เร็วที่สุด คาดหลายประเทศจะเริ่ม ใช้มาตรการในลักษณะนี้ตามมา มีโอกาสที่จำนวนผู้ฉีดวัคซีนครบโดสและเข็มกระตุ้นจะเร่งตัวขึ้นได้ดี ทำให้ภาพการฟื้นตัวของโซนยุโรปอาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่าเดิม

สำหรับตลาดในไทย การนำมาตรการ Test & Go กลับมาใช้อีกครั้งตั้งแต่ 1 ก.พ. 65 จะช่วยหนุนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเร่งตัวขึ้นได้อีกครั้ง และคาดเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 2H65 เป็นต้นไป

คงคำแนะนำ “ซื้อ “อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 40.75 บาทต่อหุ้น

เราคงประมาณการปี 2565 ที่กำไรปกติ 1.4 พันล้านบาท และคงคำแนะนำ ซื้อ บนราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 40.75 บาทต่อหุ้น อิง EVIEBITDA ที่ 12x เทียบเท่า +1.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เราเลือก MINT เป็นตัวเลือกเด่นของหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว สัดส่วนโรงแรมในยุโรปที่สูงและมียอดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นส่วนใหญ่เกินกว่าระดับ 50% แล้วทำให้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ก่อนกลุ่มตั้งแต่ 2Q65 ขณะที่ธุรกิจอาหารจะฟื้นตัวเด่นเช่นกัน จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้นต่อเนื่องในประเทศไทย

ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) การระบาดของ COVD-19 เกิดการกลายพันธุ์ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอีกครั้ง และ และ 2) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน้อยกว่าคาด

- Advertisement -