บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

PTT OIL & RETAIL BUSINESS PLC กำไรปกติฟื้นตัวจาก Non-oil ที่แข็งแกร่ง

Action

TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +5.7%

Close Feb 02, 2022 Price (THB) 24.60

12M Target (THB) 26.00

Previous Target (THB) 26.00

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 4Q64 ที่ 2,006 ล้านบาท ฟื้นตัว QoQ จากการคลายมาตรการ Lockdown และเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ F&B แต่ลดลง YoY จากการถูกจำกัดค่าการตลาดน้ำมันดีเซลในเดือน ต.ค.
  • แนวโน้มกำไรปกติ 1Q65 มีโอกาสทรงตัว ถึงชะลอตัวเล็กน้อย QoQ จากการออกจากช่วง High Season ของธุรกิจ F&B และค่าการตลาดที่ยังคงถูกกดดันจากราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับสูง

Our View

  • ประมาณการปี 2565 ที่ 12,612 ล้านบาท มี Downside จากผลประกอบการ 1Q65 ที่มีแนวโน้มทรงตัว QoQ และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
  • คงคำแนะนำ “Trading” ที่ราคาเหมาะสม 26.00 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตาม แม้ราคาหุ้นปรับตัวลงมา -10% YTD แต่ยังมี Upside ไม่มากนัก โดยราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่บน PER65 ที่ 23x เทียบกับกลุ่มที่ 17x ดังน้ันในระยะสั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องรีบเข้าลงทุน

คาดกำไรปกติ 4Q64 ฟื้นตัวด้วยแรงหนุนจากธุรกิจ Non-oil

คาดกำไรปกติ 4Q64 ที่ 2,006 ล้านบาท (+11% QoQ, -30% YoY) ฟื้นตัว QoQ แม้ถูกกดดันจากมาตรการจำกัดค่าการตลาดในเดือน ต.ค. แต่ได้แรงหนุนจาก 1) ปริมาณขายน้ำมันรวมที่ 6,460 ล้านลิตร ใน 4Q64 จากการคลายมาตรการ Lockdown ในช่วงปลาย 3Q64 และการเข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยวภายในประเทศ รวมถึงการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีก 42 สถานี 2) ปริมาณขายของ Café Amazon ที่ 87 ล้านแก้ว (สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19) แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่โดดเด่นของธุรกิจ F&B และ 3) ปริมาณขายน้ำมันในต่างประเทศที่ฟื้นตัว และการขยายธุรกิจ Non-oil ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจในต่างประเทศเติบโตขึ้น QoQ อย่างไรก็ตาม กำไรปกติ 4Q64 ลดลง YoY หลังได้รับแรงกดดันจาก 1) การใช้มาตรการจำกัดค่าการตลาดในช่วง เดือน ต.ค. โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ราว 0.92 บาท/ลิตร และ 2) ค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้นเป็น 6,862 ล้านบาทเทียบกับ 6,489 ล้านบาทใน 4Q63 จากปริมาณขายที่สูงขึ้น YoY และจำนวนสถานีบริการที่เพิ่มขึ้น หากกำไรปกติ 4Q64 ออกมาตามคาดจะทำให้กำไรปกติทั้งปี 2564 ใกล้เคียงกับประมาณการเรา

กำไร 1Q65 มีแนวโน้มทรงตัว QoQ หลังค่าการตลาดยังถูกกดดัน

คาดกำไร 1Q65 มีแนวโน้มทรงตัวถึงชะลอตัวลงเล็กน้อย QoQ จาก 1) การออกจากช่วง High Season ของธุรกิจ F&B ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณขายลดลงเล็กน้อย QoQ และ 2) ราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับสูง เป็นปัจจัยกดดันค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม OR ถือเป็นผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันที่มีความเสี่ยงจากประเด็นดังกล่าวต่ำกว่ารายอื่น เนื่องจากมีสัดส่วนการขายน้ำมันดีเซลเพียง 45-50% เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นที่มีสัดส่วนราว 50-80% นอกจากนี้กบง. ยังได้มีการเสนอให้ปรับลดสูตรผสมไบโอดีเซล (B100) ในน้ำมันดีเซลเกรดพื้นฐานเหลือ 5% (B5) ซึ่งหากมาตรการดังกล่าวมีการประกาศใช้จริงจะส่งผลให้ต้นทุนน้ำมันดีเซลลดลงในช่วงเดือน ก.พ.- มี.ค. 65

ราคาหุ้นปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่น่าสนใจ

ประมาณการปี 2565 ที่ 12,612 ล้านบาท มี Downside จากผลประกอบการ 1Q65 ที่มีแนวโน้มทรงตัว QoQ เราจึงคงคำแนะนำ “Trading” ที่ราคาเหมาะสม 26.00 บาท/หุ้น แม้การที่ราคาหุ้นยังคงปรับตัวลงมา -10% YTD จะสะท้อนความอ่อนแอของผลประกอบการบางส่วนไปแล้ว แต่ยังไม่มี Upside มากนัก ประกอบกับในระยะสั้นราคาหุ้นยังมีโอกาสถูกกดดันเพิ่มเติมหากราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง โดยราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER65 ที่ระดับ 23 เท่า เทียบกับกลุ่มที่ 17 เท่า ดังนั้นในระยะสั้นจึงยังไม่มีความจำเป็นต้องรีบเข้าลงทุน

- Advertisement -