Daily Focus Earnings and Value Play
ตลาดหุ้นวานนี้ :
SET Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน ปิดบวกอีก 5.17 จุด นำโดยกลุ่มพลังงานที่แข็งแกร่ง รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่อย่าง DELTA สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 710 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1.6 พันลบ. (และ Long SET50 Index Futures อีกกว่า 1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ :
เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,665 1,680 จุด และชะลอความร้อนแรงระยะสั้นหลังปรับตัวขึ้น 6 วันติดต่อกัน ขณะที่บรรยากาศการลงทุนเช้านี้ค่อนไปในทางลบ หลังสถานการณ์ในยูเครนเริ่มตึงเครียดขึ้น และสหรัฐฯให้ข้อมูลว่ารัสเซียเตรียมบุกเข้ายูเครนในเร็วๆนี้ กลุ่มพลังงานคาดนำตลาด วันนี้หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ทะลุ US$90 ต่อบาร์เรลจาก Demand ที่แข็งแกร่ง ขณะที่ Supply จาก OPEC+ ยังคงเพิ่มขึ้นเดือนละ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม หุ้นใน กลุ่ม Tech และ Growth คาดกลับมาถูกกดดันอีกครั้งหลังตาม Nasdaq ที่ร่วงแรง และ Bond Yield สหรัฐฯที่ยังปรับขึ้น ส่วนการประชุม BoE (ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.5%) และ ECB (คงอัตราดอกเบี้ย) เป็นไปตามตลาดคาด ซึ่งแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกจะทยอยดังตึงตัวขึ้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงอยู่ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนใน 4Q21 ต่อเนื่อง 2022 ซึ่งเชื่อว่ายังเป็นโฟกัสหลักของตลาดและทำให้กระแสเงินทุนยังคงอยู่ในทิศทางไหลเข้าในระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์จึงยังเน้นลงทุนในหุ้นที่คาดมีกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง และ Value Play ที่ PER/PBV ไม่สูง
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้น Value และมีแนวโน้มกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : GFPT, HMPRO, PJW, SC, TKS
หุ้นเด่นวันนี้ : TOP
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 67 บาท
- เราคาดกําไร 4Q21 จะฟื้นตัวแรง QQ และเป็นจุดสูงสุดของปี หนุนจากการคลาย Lockdown ทำให้ Demand น้ำมันเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าการกลั่นที่พุ่งขึ้นชดเชย Margin ของปิโตรเคมีและน้ำมันหล่อลื่นได้หมด
- ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น ขณะที่ค่าการกลั่นยังดี ทำให้โมเมนตัมกำไร 1Q22 คาดยังทรงในระดับสูง ขณะที่ Valuation ปัจจุบันยังเทรด PBV เพียง 0.85 เท่า
- แนวรับ 53-52.50 บาท แนวต้าน 54.50//56 บาท
Fund Flow:
เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภา US$132 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$125 ล้าน ขณะที่อาเซียนไหลเข้านำโดยอินโดนีเซียและไทยประเทศละ US$47-61 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนวันนี้คาดไหลเข้าตลาดหุ้นจีนและไต้หวันที่กลับมาเปิดทําการอีกครั้งหลังตรุษจีน อย่างไรก็ตาม ประเทศอื่นๆคาดชะลอตัวและจับตาสถานการณ์ ตึงเครียดในยูเครน
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) JWD แม้ว่า 4Q21 จะรับรู้กำไรของ ESCO เข้ามา 2 เดือน แต่ก็คาดว่ากำไรปกติจะชะลอตามฤดูกาล -4% Q-Q แต่โตสูง +75% Y-Y ประมาณการของเราอาจมี Upside จากบ.ร่วมในเวียดนาม เพราะค่าระวางที่ทรงตัวสูง กำไรปกติทั้งปี 2021 น่าจะจบที่ 475 ลบ. +34% Y-Y และคาดโตต่อเนื่องเฉลี่ย +21% Y-Y ในปี 2022-2023 จากการเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการลงทุนหลายดีลในปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ EV/EBITDA เพียง 15 เท่า ไม่แพงเมื่อเทียบกับ EBITDA ที่คาดเติบโต 15% และยังหา Inorganic growth ต่อเนื่อง ยังคงราคาเป้าหมาย 23 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) SAPPE แนวโน้มกำไร 4Q21 จะลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y จากปัจจัยฤดูกาล และค่าใช้จ่ายของตลาดส่งออกที่เข้ามาสูงผิดปกติ เพราะไม่ได้ทยอยรับรู้ใน 9M21 จากเหตุการณ์ COVID-19 แต่จากกำไร 9M21 ที่ทำได้ดีมากทำให้ทั้งปี 2021 คาด +14% Y-Y ทำ New High และโตต่อเนื่อง +15% Y-Y ในปี 2022 จาก COVID-19 ที่คลี่คลาย การส่งออกที่ยังดี และแผนออกสินค้าใหม่ ส่วนด้านต้นทุนปัจจุบันไม่น่ากังวล โดยมีการทำ Cost Saving และปรับ Product Mix เรายังคงราคาเป้าหมายที่ 37 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) EPG คาดกำไรปกติ 3Q22 (ต.ค.-ธ.ค. 21) ยังแข็งแกร่ง +12% Q-Q, -9% Y-Y ภาพรวมการเติบโตแข็งแกร่งจากทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ทั้งความต้องการสินค้าฉนวนของ Aeroflex ที่แข็งแกร่ง รวมถึงการเพิ่ม Capacity ในปีก่อน ความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ของ Aeroklas ที่เพิ่มขึ้น รวมถึง Margin ที่ฟื้นตัวของบรรจุภัณธ์ EPP ทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2022-2023 เป็น +39% Y-Y และ +4% Y-Y ตามลำดับ พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 16 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 21.42 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 35,089.74 จุด จากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัท Amazon รวมถึงเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 467,000 ตำแหน่งใน เดือนม.ค. สูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 150,000 ตำแหน่ง อาจทำให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากการปรับลงของหุ้นกลุ่มรถยนต์ หลังการเปิดเผยยอดขายรถยนต์ใหม่ของสหราชอาณาจักรในเดือนม.ค.ต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาดราว 23%
(0) ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผสม ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเฟดอาจคุมเข้มนโยบายการเงิน และภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก รวมถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและกลุ่มประเทศตะวันตก
(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.98 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.04 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 92.31 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในรัฐเท็กซัส ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการระงับการผลิตน้ำมันในเขตลุ่มน้ำเพอร์เมียน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันจากหินดินดานใหญ่ที่สุดในสหรัฐ รวมถึงวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 3.70 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,807.80 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,011.60 / -3.24









