ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ (รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียน : 19838)
ชะลอตัว มีโอกาสปรับฐานค่อนข้างสูง
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพุธปรับฐานลง รับความกังวลต่อเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น… หลังจากเมื่อวานนี้ ฟันด์โฟลว์ที่ยังคงแข็งแกร่ง หนุนดัชนีฯ ฟื้นตัวได้ต่อ (ตามคาด)… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยลบสำคัญได้แก่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้น 11% เมื่อคืนนี้ หลังจากรัสเซียยังคงเดินหน้าโจมตียูเครนและกองกำลังทหารรัสเซียกำลังรุกคืบใกล้กรุงเคียฟ แม้ว่ารัสเซียและยูเครนได้ตกลงกันว่าจะมีการเจรจารอบที่ 2 ในไม่กี่วันข้างหน้านี้ นอกจากนี้แคนาดาได้ประกาศแบนการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย เพิ่มแรงกดดันต่อตลาดน้ำมันโลกอีก ทั้งนี้ราคาน้ำมันพุ่งแรง แม้ EA ได้ประกาศปล่อยสำรองน้ำมันดิบ 60 ล้านบาร์เรล ออกสู่ตลาดก็ตาม… ทั้งนี้แรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น น่าจะสร้างความยากลำบากต่อ ธ.กลาง สหรัฐฯ ในการกำหนดนโยบายการเงิน และนักลงทุนควรติดตามการแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ต่อกรรมการด้านการเงินการธนาคารของคองเกรสสหรัฐฯ ในคืนวันนี้ตามเวลาประเทศไทย ทั้งนี้ จากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้น ล่าสุดพบว่าสัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ให้น้ำหนักเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 5 ครั้งในปีนี้ รวม 1.25% (จากเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว ตลาดคาดเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 7 ครั้งในปีนี้ ด้าน ปัจจัยภายในประเทศ เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทรงตัวสูงที่ 22,197 ราย เสียชีวิต 45 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 19,093 ราย
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียน : 28668)
เก็งกำไร IP, ORI*, PTT*
- IP (เป้า Consensus 24.1 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 19.8 บาท / แนวต้าน 20.5 – 20.8 บาท กรณี Rebound ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 22 บาท (Stop loss 19.4 บาท) 2) Consensus ประเมินผลการดำเนินงานปีนี้โตเด่นมากกว่า 50% YoY จาก i) การฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ ii) การเริ่มรับรู้รายได้โรงงานผลิตยา (เทวา ฟาร์มา) แห่งใหม่เต็มปี (เริ่มรับรู้เดือน ส.ค.64) iii) คาดปิดดีลซื้อกิจการร้านขายยา LAB Pharmacy ภายใน 1Q65 นี้ 3) ประเมินมี Upside จาก i) ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับกัญชง และกระท่อม คาดจะเปิดตัวใน 2H65 และ ii) อยู่ระหว่างศึกษาการลงทุน Platform Telapharmacy กับ OTO
- ORI* (เป้าพื้นฐาน 14.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 12.1 บาท / แนวต้าน 12.6 บาท หากผ่านแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-13 บาท (Stop loss 11.5 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯคาดผลการดำเนินงาน 1Q65 จะโดดเด่นจากการเริ่มโอนโครงการขนาดใหญ่ (Park Origin ทองหล่อ มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท ขายแล้ว 75%) 3) วางแผนการลงทุนในธุรกิจด้านดิจิทัล โดยเบื้องต้นเตรียมออก Utility Token ใน 2H65 ซึ่งจะเป็น Upside ที่คาดยังไม่รวมในประมาณการฯ 4) ประเมิน Forward PE ไม่แพง +/- 8 เท่า ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาฯ คาดจะกลับมาเริ่มต้นฟื้นตัวในปีนี้ คาดกำไรปีนี้โต +15% YoY)
- PTT* (เป้าพื้นฐาน 55 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 39 บาท / แนวต้าน 40-41 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-42 บาท (Stop loss 38.5 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นเป็น Sentiment บวกมาที่หุ้นในกลุ่ม PTT ii) การลงทุนในธุรกิจรถอีวี และแบตเตอรี่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐฯ 3) ปันผล 0.8 บาท XD วันที่ 3 มี.ค. (yield +2%) และคาด Dividend yield ปี 2565 อีกราว 6%
หุ้นมีข่าว
(+) SCB* เปิดแลกหุ้น ‘SCB เป็น ‘SCBX เริ่ม 2 มี.ค.นี้ (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) “กลุ่มไทยพาณิชย์” โดย “เอสซีบี เอกซ์” (SCBX) เข้าสู่กระบวนการสำคัญปรับโครงสร้างธุรกิจ ธุรกิจการเงินที่มีศักยภาพสูง ประกาศทำคำเสนอซื้อ (Tender Offer) หุ้นทั้งหมดของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กับผู้ถือหุ้นของ SCB เพื่อแลกกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของ SCBX ในอัตราการแลกหลักทรัพย์เท่ากับ 1 ต่อ 1 เริ่ม 2 มี.ค. – 18 เม.ย. เพื่อเตรียมนำ SCBX เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ และเพิกถอนหุ้นของธนาคารไทยพาณิชย์ออกจากตลาดในวันเดียวกัน
(+) กลุ่ม PTT* ทุ่ม 9.4 แสนล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจไทย 5 ปี (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ปตท.ลั่นปี 65 รายได้โตกว่าปีก่อนที่ 2.26 ล้านล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมัน ก๊าซฯ และปิโตรเคมีดีดตัวสูงขึ้น ยันสงครามรัสเซีย-ยูเครน ไม่ทำให้ไทยขาดแคลนน้ำมัน แต่ราคาแพงขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ แย้ม FID ตั้งโรงงานผลิตรถอีวีในไทยช่วงไตรมาส 2 นี้ ขณะที่กลุ่ม ปตท. ตั้งงบ 5 ปีนี้วงเงิน 9.44 แสนล้านบาท รุกนวัตกรรมพลังงานและอุตฯ เป้าหมายของไทย
(+) ORI เล็งโทเคน-เอ็นเอฟที เป้ามาร์เก็ตแคปแสนล้าน (ทันหุ้น) ORI เดินกลยุทธ์มาร์เก็ตแคป 1 แสนล้านบาท เตรียมส่งบริษัทย่อย “พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น และวัน ออริจิ้น” เข้าตลาด ส่วนปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้ารายได้รวม 1.75 หมื่นล้านบาท ทำนิวไฮต่อเนื่อง พร้อมเล็งเปิดโครงการใหม่ 31 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4.2 หมื่นล้านบาท เดินเกม NFT ICO Utility Token พร้อม Metaverse
(+) COM7 มั่นใจรายได้ปีนี้โต 20% รุกออนไลน์ดันยอดขายพุ่ง 3 พันล้าน (ข่าวหุ้น) COM7 เป้ารายได้ปีนี้โต 20% ช่วง 2 เดือนแรก SSSG โตเลข 2 หลัก ลุยเพิ่ม 150 สาขา ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า สิ้นปีนี้มี 80 สาขา รุกออนไลน์ดันยอดขายพุ่ง 3,000 ล้านบาท โชว์งบปี 64 กำไร 2,630.4 ล้านบาท โต 76.5% แจกปันผลเป็นหุ้นและเงินสด รวมเป็นเงิน 1.25 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 28 เม.ย. 65
(+) TTB รุกดิจิทัลตั้งเป้าขึ้น “ท็อปทรี” (กรุงเทพธุรกิจ) ปั้น “ทีทีบีคอนซูเมอร์” รุกตลาดบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล “ทีทีบี” เปิดแผนธุรกิจปี 65 เร่งใช้ดิจิทัลยกระดับการให้บริการตอบโจทย์ลูกค้าเพิ่ม ตั้งเป้าขึ้นแท่นท็อปทรี สู่การเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์ม ล่าสุดเปิดตัวที่ที่มีคอนซูเมอร์เจาะฐานลูกค้าบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- BH* (เป้าพื้นฐาน 148 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 153 บาท)
- HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 15 บาท)
- BEC* (เป้าพื้นฐาน 18 บาท) แนวรับ 16.2 บาท / แนวต้าน 17 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 15.7 บาท)
- M (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) แนวรับ 54 บาท / แนวต้าน 56 57 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 53.5 บาท)
- MAKRO (เป้าพื้นฐาน 50 บาท) แนวรับ 42.5 บาท / แนวต้าน 44 – 46 บาท (Trailing stop 42 บาท)
- COM7* (เป้าพื้นฐาน 104 บาท) แนวรับ 82 บาท / แนวต้าน 86 – 90 บาท (Stop loss 78 บาท)
- LEO (เป้าพื้นฐาน 19 บาท) แนวรับ 15.2 บาท / แนวต้าน 16.0 – 16.5 บาท (Stop loss 14.6 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
- COM7* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 104 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์มุมมองเป็นบวก ยอดขายในช่วง 2M65 ยังเติบโตเด่น โดยอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) >10% YoY ฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการฯ และราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 104 บาท (เดิม 95 บาท)
- CENTEL* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 43.5 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์มุมมองเป็นบวก แม้ผลการดำเนินงาน 1Q65 คาดมีโอกาสชะลอตัวลง QoQ แต่เป็นเพียงระยะสั้น ยังคงคาดหวังถึงการฟื้นตัวในระยะกลาง – ยาว โดยคาดปีนี้จะเริ่มพลิกเป็นกำไรแล้ว ขณะที่แผนการปรับลดโครงสร้างต้นทุนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการฯขึ้น และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 43.5 บาท (เดิม 38 บาท)
- HMPRO* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์มุมมองเป็นบวก โดยประเมินอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะพลิกเป็นบวกในปีนี้ได้ รวมทั้งแผนการขยายสาขาและการปรับสินค้า House brand เพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น ฝ่ายวิจัยฯจึงปรับประมาณการฯ และราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 17.5 บาท (เดิม 16 บาท)
- RBF* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 17.6 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์มุมมองเป็นลบ โดยต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นกดดันอัตรากำไร ขณะที่ธุรกิจกัญชงมี Downside risk มากกว่าที่เคยคาดไว้ก่อนหน้า ฝ่ายวิจัยฯปรับลดประมาณการฯ และราคาเป้าหมายลงเป็น 17.6 บาท (เดิม 26.5 บาท) และปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” (เดิม “ซื้อ”)
- HANA* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 53 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์มุมมองเป็นลบ แม้ Demand สินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะดีต่อเนื่อง แต่ผลการดำเนินงานของ บ.ย่อย (PMS) คาดจะยังถ่วงภาพรวมของบริษัทฯ จึงคงคำแนะนำ “ถือ”
หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus