บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Hana Microelectronics PCL (HANA.BK/HANA TB)* ขาดปัจจัยกระตุ้น

Event

ประชุมนักวิเคราะห์, ปรับประมาณการกำไร และราคาเป้าหมาย

Impact

คาดว่าธุรกิจ Power Master Semiconductor (PMS) จะมีผลขาดทุนในปีนี้

เนื่องจากผลผลิตของธุรกิจ PMS ในปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นธุรกิจ PMS จึงทำให้มูลค่าสินค้าคงคลังลดลงเหลือ 243 ล้านบาทใน 4Q64 โดยผู้บริหารคาดว่าธุรกิจนี้จะส่งผลขาดทุนมาที่ HANA ประมาณ 600 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งจะฉุดผลประกอบการในช่วง 1Q65-3Q65 แต่ตัวเลขนี้จะดีขึ้นใน 4Q65 หลังจากที่โรงงานพร้อมสำหรับการผลิตแบบ mass production แล้ว ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่ารายได้จากธุรกิจ PMS จะเพิ่มขึ้นจาก 19 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2565 เป็น 132 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2558 โดยคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนใน 4Q68

อุปสงค์โดยรวมยังดีอยู่

ถึงแม้ว่าปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบจะยังคงอยู่เนื่องจาก lead time ของวัตถุดิบ อุปกรณ์ ไม่น่าจะดีขึ้นก่อน 2H65 แต่เราคาดว่าคำสั่งซื้อของ HANA โดยรวมจะยังใช้ได้อยู่ เช่นเดียวกับในครึ่งหลังของปี 2564 โดยอุปสงค์จากกลุ่มมือถือยังคงแข็งแกร่งจากการออกรุ่นใหม่ และระบบ 5G อย่างไรก็ตาม เงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย YTD ที่ 32.90 บาท/ดอลลาร์ฯ (จาก 33.30 บาท/ ดอลลาร์ฯ ใน 4Q64 และ 30.20 บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 1Q64) อาจจะกดดันอัตรากำไรขั้นต้น ซึ่งเมื่อรวมกับแนวโน้มผลขาดทุนจาก PMS น่าจะทำให้ผลประกอบการใน 1Q65 แย่ลง QoQ และทรงตัว YoY

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2565-2566 ลงจากเดิม 8% และ 7% ตามลำดับ

ถึงแม้ว่าเราจะคาดไว้อยู่แล้วว่าบริษัทจะรับรู้ผลขาดทุนจาก PMS แต่จากข้อมูลที่ได้จากผู้บริหาร ผลขาดทุนอาจจะสูงกว่าที่เราคาดเอาไว้ ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการผลขาดทุนจาก PMS เป็น 600 ล้านบาทในปี 2565 (จากเดิม 300 ล้านบาท) และ 500 ล้านบาทในปี 2566 (จากเดิม 200 ล้านบาท) ส่งผลให้เราปรับลดประมาณการกำไรของ HANA ปี 2565 ลง 8% และปี 2566 ลง 7% ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักของ HANA ในปี 2565-2566F โต 9% และ 21% ตามลำดับ

Valuation & action

เราปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ลงจากเดิม 67.00 บาท เหลือ 53.00 บาท อิงจาก PER ที่ 17.0x (ถ่วงน้ำหนักระหว่างยอดขายของกลุ่ม EV (-3%) โดยใช้ PER ที่ 80.0X และกลุ่มอื่น ๆ (97%) โดยใช้ PER ที่ 15X จากอัตราการเติบโตของ EPS เฉลี่ยในปี 2565-2566) ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ” HANA

Risks

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2565-2566 ที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์ฯ)

- Advertisement -