บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action
TRADING (Maintain)
TP upside (downside) +7.1%
Close Mar 1, 2022
Price (THB) 39.00
12M Target (THB) 42.00
Previous Target (THB) 42.00
What’s new?
- บริษัทฯ ประเมินอุปสงค์น้ำมันเติบโต 3.7 ล้านบาร์เรล/วัน แตะ Pre Covid ช่วง 3Q65 แม้อุปทานจะขยายตัว 5.8 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้ตลาดเป็น Surplus แต่คาดราคาน้ำมันยังอยู่ระดับสูง เพราะอุปทานมีความไม่แน่นอนจากปริมาณผลิตของ OPEC+, ปัญหา Disruption ในตะวันออกกลาง, เหตุการณ์ในยูเครน ภาวะ อากาศแปรปรวน, และการ Hedging เงินเฟ้อ
- ปี 2565 PTT คาดราคาน้ำมัน US$81-86/bbl, ค่ากรกลั่น US$5.4-6.4/bbl, LNG US$22.7/mmbtu
Our view
- บริษัทฯ เตรียม FID โรงงาน EV ภายใน 1H65 เป็น Catalyst ต่อราคาหุ้น
- ปรับกำไรปกติปี 2565 ขึ้น 7% สะท้อนการปรับประมาณการของบริษัทลูกในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ประเมินกำไรปีนี้ไม่เด่น (-1%) โดยผลบวกจากธุรกิจต้นน้ำ – โรงกลั่นของบริษัทลูกจะถูกชดเชย ด้วยธุรกิจก๊าซของ PTT จากผลกระทบการผลิตก๊าซในอ่าวไทยต่ำลง ทำให้ LNG นำเข้าเพิ่มขึ้น กดดันอัตราผลิตโรงแยกก๊าซ และต้นทุนก๊าซสูงขึ้น 30-50% คงคําแนะนํา TRADING ราคาเหมาะสม 42.00 บาท
PTT รับประโยชน์จากราคาน้ำมันไม่เต็มที่
PTT ประเมินราคาน้ำมัน US$81-86/bbl…แต่ยังผันผวนสูงจากด้านอุปทาน
การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (1 มี.ค.) บริษัทฯ ให้มุมมองราคาน้ำมัน สาระสำคัญดังนี้
1) ด้านอุปสงค์ – ปัจจุบันความต้องการใช้น้ำมันโลกอยู่ที่ 98.8 ล้านบาร์เรล/วัน ต่ำกว่า Pre Covid ที่ 101.3 ล้านบาร์เรล/วัน สาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปของน้ำมันเครื่องบิน ทั้งนี้ อุปสงค์น้ำมันปี 2565 จะขยายตัว 3.7 ล้านบาร์เรล/วัน (สอดคล้อง GDP โลกที่ +4.4%) แตะระดับ Pre Covid ช่วง 3Q65 (น้ำมัน เครื่องบินจะแตะ Pre Covid ปี 2566) อย่างไรก็ตาม แนวโน้มสัดส่วนการเติบโตของ GDP โลกเทียบกับความต้องการใช้น้ำมัน (Oil intensity) มีแนวโน้มลดลงจาก 1:1 ในอดีต เหลือ 1:0.4 ถึง 1:0.5 เพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง และการให้ความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม
2) ด้านอุปทาน – ประเมินการเติบโตของการผลิตน้ำมันปี 2565 ที่ 5.8 ล้านบาร์เรล/วัน เร่งขึ้นจาก 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน ในปีก่อน และสูงกว่าการเติบโตของอุปสงค์ ส่งผลให้ตลาดน้ำมันปี 2565 จะพลิกเป็นอุปทานส่วนเกิน และเพิ่มปริมาณสต็อกน้ำมันโลก 0.6 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ของอุปทานน้ำมันยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งจากปริมาณผลิตของ OPEC+ ทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย, การผลิตของสหรัฐฯ ฟื้นตัวช้า (กลับสู่ Pre Covid ปี 2566), ปัญหา Disruption ในตะวันออกกลาง เช่น UAE ลิเบีย อิรัก คาซัคสถาน, การยกเลิกคว่ำบาตร อิหร่าน, สถานการณ์ในยูเครน (กรณีเกิดสงครามเต็มรูปแบบอาจแตะ US$150/bbl), และภาวะอากาศแปรปรวน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังมีความผันผวนจาก Fund flow ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อระดับสูง
ต้นทุนก๊าซสูงขึ้น 30-50% จากผลกระทบก๊าซในอ่าวไทย
สำหรับปี 2565 บริษัทฯ ประเมิน 1) ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย US$81-86/bbl (จาก US$69/bbl) 2) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ US$5.4-6.4/bbl (จาก US$3.4/bbl) 3) ราคา Asia LNG US$22.7/mmbtu (จาก US$18.5/mmbtu) หนุนจากอุปสงค์ที่ดีขึ้น และปริมาณสินค้าคลังอยู่ระดับต่ำ นอกจากนี้ ผู้บริหารยังให้ Guidance ธุรกิจที่ PTT ดำเนินการเองดังนี้ 4) ธุรกิจก๊าซจะมีต้นทุนก๊าซสูงขึ้น 30-50% สอดคล้องราคาในตลาดโลก และสัดส่วนการนำเข้า LNG มากขึ้น 5) โรงแยกก๊าซธรรมชาติ (GSP) จะมีอัตราผลิต 82-87% (จาก 90%) เพราะปริมาณก๊าซในอ่าวไทยลดลง 6) ธุรกิจเวชภัณฑ์จะเริ่มรับรู้รายได้จาก Lotus Pharmaceutical ตั้งแต่ 2Q65 7) เตรียม FID ลงทุนโรงงานผลิต EV กับ Foxconn ใน 1H65 8) เตรียม COD ท่อก๊าซเส้นที่ 5 และ LNG Terminal ภายในปีนี้ 9) การลดสัดส่วนธุรกิจถ่านหินจะได้ข้อสรุปใน 1H65
ผลประกอบการระยะสั้นไม่เด่น รอความคืบหน้าด้าน EV เป็นปัจจัยหนุน
แม้หุ้นมีพื้นฐานระยะยาวแข็งแกร่งจากธุรกิจบูรณาการครบวงจร ฐานะการเงินมั่นคง ทำให้ผลประกอบการมีเสถียรภาพ ทนแรงเสียดทานจากความผันผวนได้ดี รวมทั้งมีการเติบโตจากธุรกิจที่ตลาดกำลังสนใจ เช่น EV ยา เวชภัณฑ์ ทำให้กรณีธุรกิจมีความคืบหน้า หุ้นมีโอกาสถูก Re-rate ขึ้นได้ เราปรับคาดการณ์กำไรปกติปี 2565 ขึ้น 7% เป็น 1.08 แสนล้านบาท (-1% YoY) สอดคล้องการปรับประมาณการของบริษัทลูกในช่วงที่ผ่านมา (มี Upside จากสมมติฐานราคาน้ำมันที่ US$72/bbl และกำไรสต็อกน้ำมัน) อย่างไรก็ตาม คาดแนวโน้มกำไรปี 2565 ไม่เด่น เพราะแม้ว่าภาพรวมได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยเฉพาะธุรกิจ E&P และโรงกลั่นของบริษัทลูก แต่ธุรกิจก๊าซของ PTT เองจะได้รับผลกระทบจากปริมาณก๊าซในอ่าวไทยที่ลดลง กดดันอัตราผลิตโรงแยกก๊าซ เพิ่มสัดส่วนนำเข้า LNG ทำให้ต้นทุนก๊าซสูงขึ้นมาก รวมทั้งภาวะราคาพลังงานแพง ทำให้มีความเสี่ยงจากมาตรการช่วยเหลือประชาชน (เช่น การตรึงราคา NGV) คงราคาเหมาะสม 42.00 (SOTP) แนะนำ TRADING เพื่อรอความคืบหน้าธุรกิจ EV เป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้น ทั้งนี้ระยะสั้น PTTEP จะเป็นหุ้น Oil play สำหรับเก็งกำไรตามราคาน้ำมันที่ดีกว่า