บล.พาย:
HANA: คาดกำไรสุทธิปี 2022 โตขึ้นแม้มีต้นทุนเพิ่ม
ให้น้ำหนักเป็นลบต่อการประชุมนักวิเคราะห์ กลุ่มซิลิคอนคาร์ไบด์ (Sic) เกาหลีใต้จะยังก่อให้เกิดต้นทุนส่วนเพิ่มต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2022 แต่ราคาหุ้นที่ลดลง 45% ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2021 สะท้อนปัจจัยลบในปี 2022 ไปแล้ว ทำให้หุ้นมีมูลค่าที่ถูก คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ลดมูลค่าพื้นฐานลง 18% เป็น 61.25 บาท อิง 21.3xPE’22 หรือ +1SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี
- คาดกำไรปกติปี 2022 จะทรงตัว YoY ที่ 2.3 พันล้านบาท ประเด็นต้นทุนส่วนเพิ่ม และสภาวะขาดแคลนไมโครชิปจะไปหักลบการเติบโตจากการขยายกำลังการผลิตลง
- คาดถึงภาพเชิงลบจนถึง 3Q22 จากต้นทุนส่วนเพิ่มที่จะฉุดกำไรปกติไปจนถึงช่วงดังกล่าว ราคาหุ้นปัจจุบันถือว่าถูก นับเป็นโอกาสเข้าสะสมที่ดี
- คาดว่ารายได้จะไม่โตเพิ่มเติมในปี 2022 จากสภาวะการขาดแคลนไมโครชิปที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย
- คาดการณ์ที่ว่าปี 2023 จะโตแข็งแกร่งเป็น 3.2 พันล้านบาท (+45%YoY) มีแรงหนุนมาจากการเร่งการผลิตในธุรกิจ SiC ที่มีอัตรากำไรสูง และอุปสงค์ที่มีอย่างต่อเนื่องในกลุ่ม 5G และรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
ต้นทุนส่วนเพิ่มตลอดทั้งปี 2022 เพื่อเริ่มการผลิตขนาดใหญ่ในโรงงาน SiC ภายในปี 2023
คาดถึงต้นทุนส่วนเพิ่ม 580-620 ล้านบาทในช่วง 1Q22-3Q22 ต้นทุนดังกล่าวเกิดขึ้นจากแผนการกระตุ้นการผลิตในหน่วย SiC เกาหลีใต้ให้สูงขึ้นภายในปี 2023 ปัจจุบันหน่วยธุรกิจนี้มีการผลิตในขนาดที่เล็ก และเป็นการจ้างผลิตอยู่ แต่บริษัทมีแผนเริ่มการผลิตขนาดใหญ่ในกลางปี 2023 เมื่อเทคโนโลยี SIC MOFSET ของบริษัทได้รับการอนุมัติ
คาดบริษัทจะมีผลงานที่น่าประทับใจตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป คาดว่ารายได้ปี 2023 ที่ไม่มีต้นทุนการริเริ่มโครงการใหม่เพิ่มเติมจะอยู่ที่ 3.04 หมื่นล้านบาท ด้วยกำไรปกติที่โตแตะ 3.2 พันล้านบาท (+37%YoY) ส่วน GPM ของกลุ่มธุรกิจนี้คาดว่าจะสูงกว่าธุรกิจปัจจุบันของบริษัทถึง 2 เท่า (ระดับ 20%-30% ปลาย) และด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่ม EV บวกกับสถานการณ์ด้านไมโครชิปที่ดีขึ้น จึงคาดว่ากลุ่มธุรกิจนี้จะได้ประโยชน์จำนวนมากตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป
สภาวะขาดทุนไมโครชิปจะยืดเยื้อไปตลอดทั้งปี 2022
การเติบโตของรายได้ปี 2022 ไม่มี upside risk ก่อนหน้านี้เชื่อว่าสภาวะขาดแคลนไมโครชิปจะคลี่คลายลงภายใน 2H22 แต่ผู้บริหารของ HANA เชื่อว่าหลายบริษัทจะยังประสบปัญหาในการรองรับอุปสงค์จากสภาวะขาดแคลนไมโครชิป โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะวัตถุดิบหลายประเภทที่ประกอบอยู่ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อย่างเช่นไมโครชิปนั้นมาจากยูเครนและรัสเซีย อุปสงค์สะสมจะไหลเข้ามาตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป จีน ไต้หวัน และประเทศอื่นบางแห่งกำลังเร่งสร้างโรงงานผลิตชิปเพื่อรองรับอุปสงค์ที่เกิดขึ้น ปัจจุบันเชื่อว่าสภาวะขาดแคลนจะคลี่คลายลงในปี 2023 เป็นต้นไป เมื่อการก่อสร้างโครงการเหล่านี้แล้วเสร็จ
2022 จะเป็นปีที่ท้าทาย แต่มีเส้นทางแห่งการเติบโตรออยู่ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป
ต้นทุนส่วนเพิ่มจะกดดัน GPM และกำไรในปี 2022 คาดกำไรสุทธิปี 2022 จะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท (+42%YoY) ผู้บริหารเปิดเผยต้นทุนส่วนเพิ่มจากหน่วยธุรกิจ SiC ในเกาหลีใต้ใหม่ที่ 580-620 ล้านบาทในช่วง 1Q22-3Q22 ต้นทุนเหล่านี้เกิดขึ้นจากการเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตขนาดใหญ่ของโรงงานในเกาหลีใต้ รวมถึงส่วนงานทรัพยากรมนุษย์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการเดินเครื่องกำลังการผลิตขนาดใหญ่
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ขึ้น 8.1% ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิขึ้นเพื่อสะท้อน GPM เชิงบวกในธุรกิจ SiC ใหม่ ผู้บริหารระบุว่า GPM ในธุรกิจนี้จะอยู่ในกรอบ 20%-30% ปลาย ดังนั้นธุรกิจ SiC จะเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสำคัญ และมีโอกาสสร้างส่วนแบ่งที่มีนัยสำคัญต่อบริษัทได้ภายในปี 2025
สรุปผลประกอบการ 4Q21
- ขาดทุนสุทธิ 4Q21 ที่ 56 ล้านบาท ฉุดจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และการหักดุลกองทุน Credit Suisse Supply Chain Fund
- กำไรปกติ 4Q21 อยู่ที่ 391 ล้านบาท (-12%YoY, -44%QoQ) หลังจากมีการปรับมูลค่าสินค้าคงคลังในกลุ่ม IC เกาหลีใต้ ถ้าไม่มีรายการนี้กำไรปกติจะอยู่ที่ 631 ล้านบาท (+42% YOY, -10%QoQ)
- ยอดขายอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท (+19%YoY, ทรงตัว QoQ) การเติบโต YoY มีแรงหนุนจากกลุ่ม PCBA ขณะที่ GPM ลดลงเป็น 10.8% (-4.9ppts QoQ) จากการปรับมูลค่าสินค้าคงคลังกลุ่ม IC เกาหลีใต้ที่ 243 ล้านบาท
- กำไรปกติทั้งปีอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท (+27%YoY) สอดคล้องกับคาดการณ์
ภาพรวมปี 2022-23
- คาดกำไรปกติปี 2022 จะโตเป็น 2.9 พันล้านบาท (+25%YoY) แม้จะมีการขยายกำลังการผลิตขนานใหญ่ใน หน่วย PCBA ในไทย และ IC ในจีน บวกกับอุปสงค์สะสมสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไมโครชิป (ยานยนต์ มือถือ และ PC) แต่ต้นทุนส่วนเพิ่มจากกลุ่ม IC เกาหลีใต้จะจํากัดศักยภาพการเติบโต
Revenue breakdown
การประกอบแผงวงจรพิมพ์ (PCBA) สร้างรายได้เป็นสัดส่วน 57% ของรายได้รวม โดยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ บนแผงวงจรพิมพ์ และบริษัทยังให้บริการการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ชิปบนบอร์ด (COB) รวมถึงผลิตภัณฑ์รับส่งคลื่นความถี่วิทยุและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
บริษัทให้บริการการประกอบและทดสอบแผงวงจรรวม (IC) สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ IC ชนิด QFN, QFN, DFN, LGA, MSOP, SC, SOT และ TSOT รวมถึงไฟ LED สำหรับไฟส่องสว่างในยานยนต์ เมาส์เลเซอร์ อุปกรณ์แปลงไฟฟ้า DC-DC และผลิตภัณฑ์ใยแก้วนำแสง ซึ่งธุรกิจกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วน 39% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท
บริษัทผลิตผลึกเหลวที่ใช้สำหรับเคลือบแผ่นซิลิกอนบนอุปกรณ์ “LCoS” ที่ใช้หน้าจอไมโครดิสเพลย์ (microdisplay) และส่วนประกอบด้านการสื่อสารด้วยแสง อีกทั้งบริษัทยังผลิต RFID ซึ่งกลุ่มนี้มีคิดเป็นสัดส่วน 4% ของรายได้ทั้งหมด