Daily Strategy

เช้านี้รัสเซียยังคงโจมตียูเครนต่อเนื่อง แนะชะลอการลงทนุ ช่วงสั้น

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนที่ผ่านมายังคงปรับฐานลง 0.3% หลังนักลงทุนยังวิตกกังวลกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น จากการที่รัสเซียถูกนานาประเทศคว่ำบาตร  รายงานล่าสุดระบุว่าการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนได้ย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 และมีรายงานว่าพบการสูญเสียทั้งทหารรัสเซียและพลเรือนยูเครน ด้านทิศทางราคาน้ำมันดิบ BRT เมื่อคืนปรับฐาน 2.2% หลังมีรายงานว่าทางผู้อำนวยการ IAEA (สำนักงานพลังงานปรมาณูสากล) จะเดินทางไปยังอิหร่านในวันเสาร์นี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจากับอิหร่าน และอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ตลาดมองว่าอาจยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน ผลคือจะทำให้ปริมาณน้ำมันดิบออกสู่ตลาดมากขึ้น ข้อมูลในอดีตก่อนที่อีหร่านจะถูกคว่ำบาตรได้เปิดเผยว่าอิหร่านถือเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 5 ของโลก ดังนั้น หากมีการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านก็น่าจะทำให้ตลาดน้ำมันคลายตัวลงได้บ้าง และเป็นบวกต่อเศรษฐกิจในภาพรวม และบริษัทจดทะเบียนในแง่ของต้นทุนที่จะลดลง กลุ่มที่ได้ประโยชน์จะได้แก่ ขนส่ง (AAV BA) หุ้นที่มีสินค้าโภคภัณฑ์เป็นต้นทุน (SCC SCCC SCGP) ในช่วงที่ผ่านมาจึงเห็นว่าราคาหุ้นในกลุ่มข้างต้นเกิดการปรับฐานลงมา เนื่องจากตลาดกังวลกับภาระต้นทุนที่จะสูงขึ้น กดดัน GPM และกำไร แต่เราเชื่อว่าท้ายที่สุดยูเครน-รัสเซียจะหันหน้าเจรจากันมากกว่า ดังนั้นจังหวะปรับฐานอาจเป็นโอกาสสะสม แต่หากรับความเสี่ยงได้ต่ำอาจรอดูสถานการณ์ประกอบการตัดสินใจไปก่อน

แนวโน้ม SET INDEX วันนี้อาจจะเผชิญการปรับฐานตามจิตวิทยาเชิงลบจากตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่แกว่งลบอยู่ราว 1.6% และ Dow Jones future ที่แกว่งลบเช่นกัน 1.1% (ข้อมูล ณ ช่วงเวลา 7.30) ประเมินกรอบ 1680 – 1695 โดยคืนนี้ติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตรตลาดคาดที่ 4.07 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงานที่ 3.9% หากต่ำกว่าคาดตลาดอาจมองประเด็นผ่อนคลายมากขึ้นจาก FED ซึ่งจะเป็นบวกกับตลาด เชิงกลยุทธ์การลงทุนระยะ สั้นอาจกลับมากลุ่มน้ำมันอีกครั้ง (PTTEP) แม้เมื่อคืน ราคาน้ำมันจะปรับฐานลงมา แต่ล่าสุดเช้านี้ราว 8.10 น. ราคาน้ำมันดิบ BRT ยังปรับตัวขึ้นต่ออีก 3%

ICHI (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 13.8 บาท) จากการประชุมนักวิเคราะห์ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อบริษัทฯ โดยเราคาด ว่าบริษัทฯ จะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 19% ในปี 2022-24 จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และการขยาย ตลาดในการจัดจำหน่ายโดยเน้นไปที่เอเชียตะวันออกเชียงใต้ รวมไปถึงความสำเร็จในการตีตลาดอินโดนีเซีย

CHG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 3.9 บาท) เล็งเห็นโมเมนตั้มใน 1Q22 จากปัจจัยด้านโอมิครอน ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นราว 7 พัน ถึง 1.3 หมื่นเคสต่อวัน บวกกับการจัดสรรวัคซีนที่คาดว่าจะรับรู้รายได้ส่วนนี้ตั้งแต่ 1Q22 เป็นต้นไป

- Advertisement -