บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (Upside) +37.7%
Close Mar 4, 2022 Price (THB) 30.50
12M Target (THB) 42.00
What’s new?
เราคงมุมมองบวกต่อ MINT แม้มีความเสี่ยงจากประเด็นรัสเซีย-ยูเครนที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่จาก Guidance ของบริษัทฯ ปัจจุบันผลกระทบจากประเด็นดังกล่าวยังจำกัด ขณะที่แนวโน้มการฟื้นตัวหากไม่เกิด สถานการณ์พิสูจน์แล้วว่าโดดเด่น และเป้าหมายปีนี้ของบริษัทฯ สูงกว่าประมาณการของตลาด
Our view
- เราคงประมาณการปี 2565/66 แม้ว่าประมาณการของเราจะสูงกว่า Consensus แต่ Guidance 2565 และงบ 4Q64 ที่ดีกว่าตลาดคาดจะทำให้ตลาดต้องปรับเพิ่มประมาณการของ MINT ขึ้น
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 42.00 บาทต่อหุ้น ณ ระดับราคาปัจจุบัน เรามองว่าระดับ Risk Reward น่าสนใจแล้ว นักลงทุนควรเริ่มเข้าสะสม และอาจสะสมเพิ่มเติม หากปัญหารัสเซีย-ยูเครนส่งสัญญานคลี่คลายลง
MINOR INTERNATIONAL
Guidance จะกลับไประดับ pre-COVID19 ในช่วง 2H65
คงมุมมองบวกหลังการประชุมนักวิเคราะห์
Business Update:
1) ธุรกิจโรงแรมตลาดยุโรปในเดือนม.ค.65 การเข้าสู่ช่วง Low Season และการระบาดหนักของ Omicron ส่งผลกระทบให้ Occ. Rate ปรับตัวลงอยู่ราว 30% ขณะที่เดือนก.พ. บริษัทฯ Guide ว่า MoM กำลังฟื้นตัวสะท้อนว่าผลกระทบของ Omicron กำลังจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ตลาดออสเตรเลียมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบเมื่อ 21 ก.พ.65 คาดช่วยหนุนผลประกอบการจากที่ก่อนหน้าที่เพียงการเข้าพักจากนักท่องเที่ยวในประเทศ สำหรับตลาด Maldives ยังเป็นตลาดที่ฟื้นตัวโดดเด่น จากมาตรการควบคุม COVID-19 ที่ผ่อนคลายและเป็นเป้าหมายต้นๆ ของนักเดินทางทั่วโลก ทำให้ Maldives เป็นตลาดแรกๆ ที่ผลประกอบการดีกว่าช่วง Pre-COVID-19 ไปแล้ว แต่ใน 1Q65 อาจต้องรับมือจากผลกระทบของนักท่องเที่ยวรัสเซีย (คิดเป็นสัดส่วน 13% ในตลาด Maldives) ส่วนตลาดไทยการนำ Test&Go, การเพิ่มพื้นที่ Sandbox และการนำโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 มาใช้คาดช่วยให้การฟื้นตัวยังเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
2) ธุรกิจอาหาร ตัวเลข SSSG ในเดือนม.ค.65 ฟื้นตัว +11% YoY ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ -1.7% YoY ใน 4Q64 แม้ไทยซึ่งเป็นสัดส่วนหลักจะเผชิญการระบาดของ Omicron แสดงให้เห็นว่าแม้มีการระบาดแต่ตัวเลข SSSG พร้อมฟื้นตัว YoY ส่วนภาพตลาดในออสเตรเลียและจีนเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตัวเลข SSSG เป็นบวก YoY ได้แล้ว ขณะที่ต้นทุนน้ำมัน สินค้า Commodity และบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น MINT ได้พยายามควบคุมต้นทุนวัตถุดิบไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ 3Q64 แล้ว คาดชะลอผลกระทบได้อย่างน้อยจนถึง 2Q65
3) ผลกระทบจากกรณีรัสเซีย-ยูเครน MINT ไม่มีโรงแรมหรือร้านอาหารทั้งในรัสเซียและยูเครน นักท่องเที่ยวรัสเซียใน Portfolio ทั้งหมดคิดเป็นราว 2% แต่หากพิจารณาในตลาดย่อยบางแห่ง เช่น ตลาด Maldives จะมีสัดส่วนสูงอยู่ที่ราว 13% ปัจจุบัน MINT พยายามแทนที่ด้วยนักท่องเที่ยวจากยุโรปซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
Cash flow and Balance Sheet Management: แม้จะกลับมาทำกำไรปกติแล้วใน 4Q64 แต่ MINT ยังคงมุมมองการรักษาสภาพคล่อง และฐานะการเงินอย่างระมัดระวัง โดยปรับลด CAPEX เลื่อนการลงทุนที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน ขณะที่ Net IBD/E ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 1.36% ต่ำกว่าระดับ Debt Covenant ที่ 1.75x แล้ว และยังได้รับการ Waive Covenant Testing ไปจนถึงสิ้น 4Q65 ในแง่กระแสเงินสด MINT มี FCF กลับมาเป็นบวกติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 เท่ากับ 3.7 พันล้านบาท ขณะที่มีเงินสดบนมือ 2.5 หมื่นล้านบาท และมี Working Cap Facilities อีก 3.3 หมื่นล้านบาท ดังนั้นงบดุลและกระแสเงินสดไม่ใช่ปัจจัยที่ต้องกังวล
Guidance: บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะกลับมาทำกำไรสุทธิได้ในปี 2565 และคาดหวังให้ผลประกอบของธุรกิจโรงแรมกลับไปที่ระดับปี 2562 ได้ในช่วง 2H65 หรืออย่างน้อยใน 4Q65 ส่วนธุรกิจอาหารคาดภาพรวมทั้งปีกลับสู่สภาวะปกติใกล้เคียงกับระดับปี 2562 ได้แล้วในปี 2565 MINT ตั้งงบลงทุนไว้ราว 6 พันล้านบาท ลดลงจากแผนตั้งต้นราว 31% สำหรับแผนการเปิดโรงแรม MINT ยังคงมองหาโอกาสในการขยาย Portfolio เพิ่มเติม โดย MINT ยังคงใช้กลยุทธ์ “Asset Right” ผสมผสานระหว่าง โรงแรมที่เจ้าของเองร่วมทุน “Heavy Asset” และโรงแรมภายใต้สัญญารับจ้างบริหาร และ MLR “Light Asset แผนในระยะสั้น-กลางคาดเห็นแผนเปิดโรงแรมที่เป็น Light Asset เป็นส่วนใหญ่ บริษัทฯ อาจจะเริ่มกลับไปลงทุนหนักที่ระดับ 1 หมื่นล้านบาทอีกครั้งในปี 2566 หากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาสู่ระดับปกติตามคาด