Our View? ”พี่สี ออกโรง”

คาดตลาดวันนี้ “รีบาวด์” มองแนวรับที่บริเวณ 1,610 / 1,600 แนวต้านที่บริเวณ 1,630 / 1,650 แม้คาดว่าตลาดยังคงได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-รัสเซีย หลัง ปธน.โจ ไบเดน ออกแถลงการณ์ระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียตามที่มีการส่งสัญญาณออกมาก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เรามองว่าราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวรับรู้ประเด็นดังกล่าวไปบ้างพอสมควรแล้ว ขณะที่ทางฝั่งยุโรปยังไม่มีสัญญาณในการเข้าร่วมมาตรการกีดกันการส่งออกพลังงานของรัสเซีย โดยเรายังคงมุมมองมีโอกาสค่อนข้างน้อยที่ยุโรปจะระงับการนำเข้าทั้งหมดตามสหรัฐทันที จากการท่ียุโรปนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียสูงถึง 40% ต่อความต้องการทั้งหมด แต่คาดจะเป็นการทยอยปรับลดสัดส่วนการนำเข้าพลังงานรัสเซียแบบค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ ปธน.สี จิ้น ผิง กล่าวถ้อยแถลงพร้อมแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน คาดจะกระตุ้นความคาดหวัง สถานการณ์ความตึงเครียดในวิกฤตยูเครนอาจผ่อนคลายลงได้ในระยะถัดไป

ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) เช้านี้เริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยรุ่นอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 1.8594% (+3.35%) สะท้อนนักลงทุนบางส่วนเริ่มขายสินทรัพย์ปลอดภัยและเริ่มมองหาสินทรัพย์เสี่ยง

ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน เม.ย. ยังคงแกว่งตัวผันผวนอิงทางบวก พยายามทาจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้ปิดที่ระดับ 123.70 ดอลลาร์/บาร์เรล +4.30 ดอลลาร์ (+ 3.60%) ได้แรงหนุนจากการออกมาตรการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียของสหรัฐพร้อมท้ัง Goldman Sachs ปรับขึ้นคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบปีนี้จากแตะระดับ 98 ดอลลาร์/บาร์เรล สู่ 135 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้เรามีความเช่ือว่าราคาน้ำมันจะไม่สามารถยืนตัวสูงได้เป็นระยะเวลานาน เราคาดราคาน้ำมันท่ีอยู่ในระดับสูงเกินไปในระยะเวลาหนึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้ OPEC+ เริ่มกลับมาปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชดเชยส่วนแบ่งการตลาดที่หายไปจากรัสเซีย คาดจะเป็นปัจจัยจำกัด Upside และกดดันทิศทางพลังงานปรับตัวลงได้ในระยะกลาง

พรุ่งนี้เรายังคงแนะนำติดตามการประกาศตัวเลข CPI เดือน ก.พ. ของสหรัฐ คาดจะออกมาที่ระดับ +7.9% (YoY) ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง หากออกมามากกว่าคาด มองตลาดมีโอกาสผันผวนแรงได้อีกครั้ง

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม มองการอ่อนตัวลงของตลาดเป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ที่คาดไม่ได้รับผลกระทบจากต่างประเทศ เนื่องจากรายได้และกำไรส่วนใหญ่มาจากการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก

ทั้งน้ีเรายังคงชอบหุ้นใน

1.) กลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CPALL, BJC, CRC, HMPRO, GLOBAL) ที่ยังมีความน่าสนใจในเชิง Valuation ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ

2.) กลุ่ม AMC (BAM, CHAYO และ JMT) ที่คาดแนวโน้ม การ JV กับธนาคารพาณิชย์คาดจะหนุนทิศทางผลกาไรในปีนี้เติบโตโดดเด่น

3.) กลุ่มขนส่ง (BTS และ BEM) คาดผลการดำนินงานมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้หลังผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ไปแล้ว คาดผู้โดยสารรถไฟฟ้าเร่ิมฟื้นตัวขึ้นต้ังแต่ช่วงต้นปีน้ี อีกทั้งเราเริ่มกลับมาชอบหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ TTB) อีกคร้ัง หลังราคาที่ปรับตัวลงกดดัน Forward P/B ลงเหลือเพียง 0.67 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปี ท่ีระดับ 0.71 เท่า ขณะที่ Forward EPS ของหุ้นในกลุ่มธนาคารยังคงปรับตัวข้ึนทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในระยะสั้น ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 46.26 คาดมีโอกาสเห็นแรงซื้อกลับหุ้นในกลุ่มธนาคารได้

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “SCB”

ซื้อสะสม แนวรับ 114.00 / 112.00 Target 121.00 / 135.00 Stop <107.00

- Advertisement -