Daily Strategy

ยังเน้นหาจังหวะลดพอร์ตเช่นเดิม ระยะสั้นแนะ (PTTEP)

เมื่อคืน Dow Jones พลิกกลับมาปรับฐาน 1.3% จากหน้าข่าวรายงานว่าตลาดกังวลกับภาวะเงินเฟ้อจากราคา น้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น และอาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ โดยเมื่อคืนราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับตัวขึ้น 5.3% หลังมีรายงานว่า บริษัทในคาซัคสถานได้ระงับการส่งออกน้ำมัน เนื่องจาก ประสบความเสียหายจากพายุ โดยบริษัทดังกล่าวส่งออกน้ำมันคิดเป็น 1.2% ของความต้องการทั่วโลก รวมถึง EIA ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.5 ล้านบาร์เรลสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 แสนบาร์เรล

ด้านราคาทองคำพลิกกลับมาปิดบวก 0.8% สอดคล้องกับ Vix Index ที่ปรับตัวขึ้น ตอบรับปัจจัยที่การเจรจารัสเซีย ยูเครนยังไม่มีความคืบหน้า โดยหนึ่งในคณะเจรจายูเครน ระบุว่าการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียเผชิญความยากลำบากอยู่ ทางด้านรัสเซียกล่าวหาว่ายูเครนได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนในการเจรจา และกล่าวโทษสหรัฐว่ากำลังพยามทำให้ระหว่างยูเครน-รัสเซีย อยู่ในสถานะสงครามให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยปัจจัยอันใกล้ ได้แก่ การประชุม NATO เพื่อวางแผนกดดันให้รัสเซียหยุดโจมตียูเครน การประชุมดังกล่าวจะเริ่มต้นในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย ส่วนเช้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นแกว่งลบราว 1.2% ดังนั้นเชื่อว่าจะส่งผลให้ SET ปรับฐานในกรอบ 1655 – 1675

เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นลดพอร์ต เพราะเล็งเห็นถึงความเสี่ยง (1) ระดับ Valuation ที่ค่อนข้างแพง (2) เสี่ยงเผชิญการปรับลดประมาณการช่วงถัดไปจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงกดดันการบริโภคและกำไรบริษัท โดยระยะสั้นแนะ Trading น้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) ส่งออก (HANA KCE TU) เงินบาทอ่อนค่า

PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146 บาท) เก็งกำไรระยะสั้น มองจุดทำกำไรบริเวณ 155 +/- แม้จะเกินกว่าราคา เป้าหมายไปบ้างแต่เชื่อว่าระยะสั้นยังสามารถเก็งกำไรได้ตามราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นแรง โดยบริษัทจะเป็นผู้ได้ประโยชน์ทางตรง

BCP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 35 บาท) คาดกําไร 1Q22 จะ โตต่อเนื่องจากธุรกิจโรงกลั่นที่มีผลงานดีขึ้น หนุนจากค่าการกลั่นที่สูงขึ้น ในด้านกำไรสุทธิปี 2022 อาจถูกฉุดลงจากคาดการณ์ขาดทุนสต็อกน้ำมันจากประมาณการว่า ราคาน้ำมันจะลดลง แต่คาดว่ากำไรปกติจะโตต่อเนื่อง จากธุรกิจโรงกลั่น โรงไฟฟ้า และค้าปลีกน้ำมันที่ปรับดีขึ้น

- Advertisement -