Recession ยังไม่เกิดเร็วๆนี้ ที่ต้องติดตามคือการปรับประมาณการกำไรบจ.

น้ำมันดิบปรับลดลงหลังสหรัฐฯ ประกาศระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง 7% ถึงแม้ที่ประชุมกลุ่มโอเปคและพันธมิตรจะยึดมันข้อตกลงเพิ่มกำลังการผลิตเดิม ที่การเพิ่มกำลังการผลิตอีก 432,000 บาร์เรล/วัน ในเดือน พ.ค. แต่ตลาดให้น้ำหนักกับข่าวสหรัฐฯ มีแผนระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) จำนวน 180 ล้านบาร์เรล หรือ 1 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อชะลอการขึ้นของราคาน้ำมัน ลดภาวะเงินเฟ้อ และกอบกู้คะแนนความนิยมที่ตกต่ำ เรามองราคาน้ำมันดิบจะยังทรงตัวในระดับสูง จากความต้องการที่ตึงตัว แต่ในระยะสั้นอาจอ่อนตัวลงทดสอบ 95-100 เหรียญ/บาร์เรล ทำให้หุ้นในกลุ่มได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานในระดับสูงมีโอกาสฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม เรามองการอ่อนตัวลงจะยังเป็นจุดที่ดีในการเข้าเก็งกำไรกลุ่มโรงกลั่น เน้น TOP และ SPRC

เศรษฐกิจถดถอยยังไม่เกิดเร็วๆนี้ สิ่งที่ต้องระวังในไตรมาส 2/65 คือการปรับประมาณการกำไรบจ. แม้ตลาดจะกังวลสัญญาณจากตลาดพันธบัตรว่าการเกิดภาวะผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น ให้ผลตอบแทนมากกว่าระยะยาว (Inverted yield curve) ในตราสารหนี้หลายระยะ เป็นสัญญาณของการเกิดเศรษฐกิจถดถอย (Recession) แต่จากการศึกษาการเกิดภาวะดังกล่าว 4 ครั้งล่าสุด (ระหว่าง ค.ศ. 1998-2020) การเกิดเศรษฐกิจถดถอยจะตามมาในระยะ 8 เดือนถึง 2 ปี หรืออาจกินเวลามากกว่านั้น ซึ่งอาจจะยังเร็วเกินไปที่จะกังวลประเด็นดังกล่าว ปัจจัยที่เราระวังและอยากให้นักลงทุนติดตามคือ ความเสี่ยงของการปรับประมาณการกำไรบจ.ลง ตามต้นทุนและปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไป ที่จะเกิดขึ้นในช่วงรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/65 (ปลาย เม.ย.-ต้นพ.ค.) ซึ่งอาจ trigger ให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นไทย รวมถึงหุ้นโลกในช่วงไตรมาส 2/65 ได้ ทำให้การลงทุนจำเป็นต้องเน้น selective buy เป็นพิเศษ

ประเด็นเก็งกำไรอื่น

1) กลุ่มพลังงาน PTTEP, BANPU, TOP (เน้นโรงกลั่น)

2) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็น การฟื้นตัวของ LH, SPALI, AP, SC, ASW

3) หุ้นเด่นไตรมาส 2/65 ที่เราชอบได้แก่ BBL, TIDLOR, CPN, OSP, TRUE, ONEE, TOP และ ML

4) ขณะที่หุ้นที่สามารถเลือกเก็งกำไรในช่วงนี้ ได้แก่ KCE, HANA, PJW, TTCL, THREL, BLA, IND, MAJOR, WORK, TH, ERW, MINT, CENTEL, SHR, AAV เป็นต้น

ภาพรวมกลยุทธ์: หากอ่อนตัวไม่หลุด 1,675 จุด จะยังรักษาโมเมนตัมบวกที่ทําให้คาดหวัง 1,685-1,720 จุด อย่างไรก็ตามการปรับประมาณการกำไรมจ.ที่น่าจะทยอย เกิดขึ้นในช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/65 ทำให้มองการขึ้นของตลาดเป็น จังหวะในการทยอยลดน้ำหนักหรือแบ่งขายทำกำไร

หุ้นแนะนำ: BJC*, IND*, PJW*, ETC*

แนวรับ: 1,675-1,685 / แนวต้าน : 1,699–1,708 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

  • MAKRO – ตั้งงบลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท ขยายเพิ่ม 35 สาขา ะ งในและ ทง ต่างประเทศ ล่าสุดเปิดตัว maknet ตลาดค้าส่งออนไลน์แบบครบวงจร ทั้งสินค้าและ บริการ ตั้งเป้า 3 ปี เพิ่มสัดส่วนรายได้ออนไลน์เป็น 30%
  • AMATA – ตั้งเป้ารายได้รวมโต 10-20% ยอดขายที่ดินแตะ 1.4-1.5 พันไร่ มั่นใจนักลงทุนต่างชาติสนใจย้ายฐานการลงทุนในไทย-เวียดนาม เตรียมงบ 4-5 พันล้านบาท เดินหน้าซื้อที่ดิน
  • เศรษฐกิจไทยเดือน ก.พ. ฟื้นตัว – ธปท.เผยเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ.65 ยังอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัว โดยการส่งออกสินค้าปรับเพิ่มขึ้นบ้างตามอุปสงค์ต่างประเทศทีปรับดีขึ้น ขณะเดียวกันจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามการกลับมาเปิดลงทะเบียนเข้าประเทศผ่านระบบ Test & Go ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับดีขึ้นบ้าง
  • US Core PCE สูงสุดในรอบ 40 ปี – ดัชนี PCE พื้นฐานพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2526 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.5%
  • Opportunity day – 1 เม.ย. SIS, NCAP, INET, SKE, TQR, RT, TMT / 4 เม.ย. UREKA, ATP30, TKS, NER / 5 เม.ย. CEN, GLOCON, YGG, DDD, UBIS, RATCH / 7 เม.ย. MVP, ECF, BRR, UBE, SALEE, OISHI, FN / 8 เม.ย. AHC, PVC, MST, NOK

ประเด็นติดตาม: 5 เม.ย. – Thailand CPI index เดือน มี.ค., 6 เม.ย. EU PPI index เดือน ก.พ.

ประเด็นลงทุนสําหรับหุ้นแนะนำ

  • เก็งกำไร BJC* (40) : เก็งกำไรแผนการเติบโตในอนาคตมุ่ง CLMV หนุนการเติบโตเร่งตัวขึ้น ตัดขาดทุน 34.50 บาท
  • เก็งกำไร IND* (2.50) : เก็งกำไรธุรกิจ tumaround ตัดขาดทุน 1.95 บาท
  • เก็งกำไร PJW* (6) : เก็งกำไรการเข้าสู่ธุรกิจ Medical plastic และผลบวกจากชิ้นส่วน EV ตัดขาดทุน 4.80 บาท
  • เก็งกำไร ETC* (4.70) : กำไรเข้าสู่เฟสการขยายตัวได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ ตัดขาดทุน 4.10 บาท

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

Market News & Factors

ตลาดหุ้นสหรัฐ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันพฤหัสบดี (31 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี (อินโฟ เควสท์)

ตลาดหุ้นยุโรป

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (31 มี.ค.) และปรับตัวลงเป็นไตรมาสแรกในรอบ 8 ไตรมาส เนื่องจากตลาดถูกกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ จากผลกระทบของการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน (อินโฟ เควสท์)

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณ 2564 ของญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดได้รับผลกระทบจากความวิตกว่าวิกฤตการณ์ยูเครนจะยืดเยื้อหลังจากกองกำลังของรัสเซียยังคงทำการโจมตีในยูเครน (อิน โฟเควสท์)

ตลาดน้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 7% ในวันพฤหัสบดี (31 มี.ค.) หลังสหรัฐยืนยันว่าจะระบายน้ำมันในคลังสำรองจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน

MAKRO

ตั้งงบลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท ขยายเพิ่ม 35 สาขา ทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดเปิดตัว maknet ตลาดค้าส่งออนไลน์แบบครบวงจร ทั้งสินค้าและบริการ ตั้งเป้า 3 ปี เพิ่มสัดส่วนรายได้ออนไลน์เป็น 30%

AMATA

ตั้งเป้ารายได้รวมโต 10-20% ยอดขายที่ดินแตะ 1.4-1.5 พันไร่ มั่นใจนักลงทุนต่างชาติสนใจย้ายฐานการลงทุนในไทย-เวียดนาม เตรียมงบ 4-5 พันล้านบาท เดินหน้าซื้อที่ดิน

เศรษฐกิจไทยเดือน ก.พ ฟื้นตัว

ธปท.เผยเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ.65 ยังอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัว โดยการส่งออกสินค้าปรับเพิ่มขึ้นบ้างตามอุปสงค์ต่างประเทศที่ปรับดีขึ้น ขณะเดียวกันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามการกลับมาเปิดลงทะเบียนเข้าประเทศผ่านระบบ Test & Go ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับดีขึ้นบ้าง

US Core PCE สูงสุดในรอบ 40 ปี

ดัชนี PCE พื้นฐาน พุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.2526 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.5%

Report & Corporate News

AMATA Maintained BUY TP : 26.00 บาท

เรามีมุมมองเป็นบวกต่อภาพรวมปี 2022 ของ AMATA และคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากยอดขายที่ดินที่แข็งแกร่งจากการผ่อนคลายของโรคระบาดและข้อจำกัดด้านการเดินทาง  นอกจากนี้ เราคิดว่ากำไรจะได้รับการสนับสนุนจากกำไรพิเศษจากการขายโรงงาน RBF ในเวียดนาม ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย: 26.00 บาท

MAKRO

ตั้งงบลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท ขยายเพิ่ม 35 สาขา ทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดเปิดตัว maknet ตลาดค้าส่งออนไลน์แบบครบวงจร ทั้งสินค้าและบริการ ตั้งเป้า 3 ปี เพิ่มสัดส่วนรายได้ออนไลน์เป็น 30% (อินโฟเควสท์)

TOP

บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 จะเติบโตต่อเนื่อง เป็นไปตามความต้องการใช้น้ำมันที่พื้นตัวขึ้น หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย แต่ด้วยซัพพลายที่จะยังมีไม่เพียงพอต่อดีมานด์ จากการคว่ำบาตรรัสเซียของประเทศตะวันตก ก็ส่งผลให้ราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้น จึงส่งผลดีต่อธุรกิจโรงกลั่น (อินโฟเควสท์)

TPCH

แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 65 คาดว่ายังมีการเติบโตที่ดี สามารถทยอยรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะ รวม 11 แห่ง ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG, TPCH 5, TPCH 1,TPCH 2 และโรงไฟฟ้าขยะ SP มีกำลังการผลิตรวม 116.3 เมกะวัตต์ (อินโฟเควสท์)

- Advertisement -