ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ปรับลดลง ปัจจัยต่างประเทศกลับมาเป็นลบ

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ (และวันแรกของ เม.ย. และของไตรมาส 2) ปรับลดลง หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวลง (อ่อนแอกว่าคาดเล็กน้อย) หลังฟันด์โฟลว์ต่างชาติชะลอตัว… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่างประเทศเป็นลบมากขึ้น และน่าจะกดดันสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวม i) นักลงทุนเพิ่มความกังวลต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีและ 2 ปี เป็นลบอีกครั้งหนึ่งเมื่อคืนนี้ หรือที่เรียกว่า yield curve inversion ii) สถานการณ์ในยูเครนมีความไม่แน่นอนสูงมาก ข่าวล่าสุดคือกองทหารรัสเซียได้ปรับรูปทัพและเปลี่ยนเป้าหมายจากรอบๆ กรุงเคียฟ ไปเน้นการโจมตีในแถบ Donbas ซึ่งเป็น 2 รัฐอิสระที่ให้การสนับสนุนรัสเซีย ii) เมื่อวานนี้ รัสเซียแถลงว่าเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประเทศที่อยู่ในรายชื่อไม่เป็นมิตรกับรัสเซีย จะต้องชำระค่าก๊าซธรรมชาติเป็นสกุลเงินรูเบิลเท่านั้น ส่งผลให้มีความไม่แน่นอนต่อแผนการจัดหาก๊าซในกลุ่ม EU ซึ่งอยู่ในรายชื่อดังกล่าวด้วย … อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบลดลงค่อนข้างแรงเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มการปล่อยน้ำมันดิบจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นเวลา 6 เดือนจากนี้ เพื่อลดแรงกดดันต่อราคา น้ำมันดิบ… สำหรับในวันนี้ นักลงทุนควรติดตามตัวเลขสหรัฐฯ ที่สำคัญได้แก่การจ้างงานนอกภาคเกษตร มี.ค. ซึ่ง consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.90 แสนตำแหน่ง ขณะที่เมื่อคืนนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE ออกมาที่ 5.4% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 5.5% YoY แต่ยังคงเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี… ด้านปัจจัยภายในประเทศ เช้านี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 อยู่ที่ 28,319 ราย เสียชีวิต 2 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 23,843 ราย

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร IP, M, GULF*

  • IP (เป้า Consensus 24.1 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 18.8 บาท / แนวต้าน 19.6 – 19.9 บาท หาก Breakout ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 20.5 บาท (Stop loss 18.5 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากข่าวเตรียมปิดดีลซื้อกิจการ “ดรักแคร์” (ร้านขายยา Lab Pharmacy) ขณะที่ราคาหุ้น Laggard หุ้น HL โดย Forward PE ปีนี้ของ IP = 38.8 เท่า ต่ำกว่า HL ที่ Forward PE ราว 56.7 เท่า … ข้อมูล Bloomberg 3) Consensus คาด EPS ปีนี้โต +25% YoY
  • M (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 53.25 บาท / แนวต้าน 54 – 54.5 บาท หาก Breakout ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 56 บาท (Stop loss 52 บาท) 2) ประเมินการท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่ภาครัฐฯเตรียมผ่อนคลายมาตรการ การเดินทางจากต่างประเทศ เร็วๆนี้ (คาดเริ่มตั้งแต่ มิ.ย.) จะเป็นบวกต่อธุรกิจร้านอาหารของ M 3) ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรปีนี้ฟื้นตัว +1200% YoY เป็น 1.7 พันล้านบาท และ Forward PE เพียง 28 เท่า ไม่แพงสำหรับธุรกิจบริการอย่างร้านอาหาร และหุ้นที่มีผลการดำเนินงานในลักษณะ Turnaround
  • GULF* (เป้าพื้นฐาน 55 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 50.5 บาท / แนวต้าน 52.5 – 54 บาท หาก Breakout ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-56 บาท (Stop loss 49 บาท) 2) ประเมินต้นทุนพลังงานเริ่มทรงตัว และมี Upside จำกัด (สหรัฐฯเตรียมระบายน้ำมันในคลังสํารอง, มีโอกาสที่อิหร่านจะ กลับมาส่งออกน้ำมันได้เร็วๆนี้ สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน เริ่มทรงตัว) ส่งผลให้แรงกดดันหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าลดลง … ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯประเมินผลกระทบต้นทุนพลังงานต่อหุ้น GULF* ไม่มาก 3) ธุรกิจโลกใหม่ เช่น การลงทุนในธุรกิจสื่อสารกับ INTUCH และการศึกษาการลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล คาดเป็นตัวหนุนผลการดำเนินงานและ Sentiment 4) ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรโตเฉลี่ย +37% ต่อปี CAGR (2564 – 66)

หุ้นมีข่าว

(+) TOP* งบไตรมาส 1 สดใส ดีมานด์เพิ่มค่ากลั่นพุ่ง บันทึกกำไรขาย GPSC 1.1 หมื่นล้าน ไตรมาส 2 (ข่าวหุ้น) “ไทยออยล์” บุกกำไรขายหุ้น GPSC กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 2/65 พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 239 ล้านหุ้นภายในไตรมาส 3/65 รองรับแผนปรับโครงสร้างการเงินระยะยาว เตรียมชำระหนี้ bridge loans ลงทุนโครงการ CAP ในอินโดนีเซีย 3 หมื่นล้านบาท “วิรัตน์” มั่นใจผลงานไตรมาส 1/65 โตเด่น จากค่าการกลั่นสูง-ดีมานด์น้ำมันฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ

(+) บอร์ด AMATA* เคาะงบ ซื้อที่ดินสปป.ลาว (กรุงเทพธุรกิจ) คาดเริ่มพัฒนาไตรมาส 2-3 ปี นี้ AMATA* เผยบอร์ดอนุมัติเงินลงทุนซื้อที่ดินในสปป.ลาว คาดเริ่มพัฒนาไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 นี้ แจงมีแบ็กล็อก 4.98 พันล้าน คาดโอนปีนี้ราว 3 พันล้าน

(+) MAKRO ทุ่ม 1.1 หมื่นล้าน ขยายไทย-ตปท. 35 สาขา (ทันหุ้น) MAKRO ลั่นปีนี้ตั้งงบลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท ขยายเพิ่ม 35 สาขา ทั้งในไทยและต่างประเทศ ล่าสุดเปิดตัว maknet ตลาดค้าส่งออนไลน์แบบครบวงจร  ทั้งสินค้าและบริการ ตั้งเป้า 3 ปี เพิ่มสัดส่วนรายได้ช่องทางออนไลน์เป็น 30%

(+) IP พุ่ง 5 พันล้านปี 69 ปิดดีลดรักแคร์วันนี้ (ข่าวหุ้น) IP กางแผน 5 ปี ดันรายได้พุ่ง 5 พันล้านบาท ภายในปี 69 รับ 6 ธุรกิจหลักโต! วันนี้จ่อปิดดีลซื้อหุ้น 88.67% ใน “ดรักแคร์” ผู้นำธุรกิจร้านขายยาแบรนด์ LAB PHARMACY อนาคตเล็งสปินออฟเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ลั่นปี 65 รายได้พุ่ง 1,800 ล้านบาท

(+) GULF* จ่ายไฟอีก 662 เมก เล็งโปรเจ็กต์พลังน้ำลาว (ทันหุ้น) GULF* มาตามนัด จ่ายไฟฟ้าโครงการ ไอพีพี หน่วยที่ 3 กำลังการผลิต 662.5 เมกะวัตต์ เดินหน้าเปิดหน่วยที่ 4 ในช่วงตุลาคมปีนี้ ดันรายได้โตแรง 60% มีโครงการไอพีพีทยอยจ่ายไฟอีกปี 2566-2567 เดินหน้าศึกษาไฟฟ้าพลังงานน้ำลาว 4 พันเมก ฟากโบรกเคาะเป้า 55.00 บาท ไม่รวมแผนธุรกิจดิจิทัล

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 14.0 บาท / แนวต้าน 14.8-15.1 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินแนวต้านถัดไป +/-16.0 บาท (Stop loss 13.2 บาท)
  • BBL* (เป้าพื้นฐาน 160 บาท) แนวรับ 136 บาท / แนวต้าน 138.5-140 บาท (Stop loss 134.5 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 33 บาท) แนวรับ 25.5 บาท / แนวต้าน 26.5-28 บาท (Stop loss 25 บาท)
  • BCP* (เป้าพื้นฐาน 35 บาท) แนวรับ 29 บาท / แนวต้าน 30.5-31.5 บาท (Stop loss 29 บาท)
  • DTAC* (เป้าพื้นฐาน 60 บาท) แนวรับ 48.5 บาท / แนวต้าน 51.5-53.5 บาท (Stop loss 47 บาท)
  • CPF* (เป้าพื้นฐาน 33.5 บาท) แนวรับ 24.0 บาท / แนวต้าน 24.6-25.0 บาท (Stop loss 24.0 บาท)
  • IVL* (เป้าพื้นฐาน 68 บาท) แนวรับ 46.0 บาท / แนวต้าน 47-48 บาท (Stop loss 45.0 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

BGRIM แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 41 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินราคาหุ้นที่ปรับลงสะท้อนประเด็นลบเรื่องผลการดำเนินงานที่คาดจะอ่อนแอในปีนี้ไปพอสมควรแล้ว ขณะที่คาดกำไรจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปี 2566 – 67 ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการฯลง และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 41 บาท (เดิม 61.75 บาท) ยังมี Upside +16% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -