บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 16/03/65
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +23.7%
Close Mar 31, 2022 Price (THB) 32.75
12M Target (THB) 40.50
Previous Target (THB) 44.50
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 125 ลบ. เติบโต 69.7% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว แต่ชะลอ 15.4%YoY จากต้นทุนบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้นกระทบ GPM
- แนวโน้มกำไร 2Q65 คาดเป็นจุดสูงสุดของปีจากปัจจัยฤดูกาลที่เป็น High Season ของธุรกิจ แต่ YoY ยังต้องติดตามปัจจัยกดดันหลักอย่างต้นทุนบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้นตามราคา Commodity ในตลาดโลก
Our view
- เรายังมีมุมมองเป็นบวกต่อภาพการเติบโตของรายได้ของ HTC จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลัง COVID-19 คลี่คลาย แต่ลดมุมมองต่อภาพการเติบโตของกำไรในปี 2565 จากปัจจัยกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้น
- จากผลกระทบของต้นทุนที่สูงขึ้นมากกว่าคาด เราจึงปรับประมาณการกำไรปี 2565 ลง 9.4% ได้ราคาเป้าหมายใหม่ ณ สิ้นปี 2565 ที่ 40.50 บาทต่อหุ้น Upside 23.7% จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
HAAD THIP การท่องเที่ยวภาคใต้ฟื้นได้ดี แต่มีต้นทุนบรรจุภัณฑ์กดดัน
1Q65 ฟื้นตัว QoQ จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวในภาคใต้
คาดปริมาณขายใน 1Q65 ที่ 15.9 ล้านลัง (MUC) จาก 15.3 ล้านลัง ใน 4Q64 และ 15.2 ล้านลังใน 1Q64 คาดรายได้ที่ 1,673 ลบ. (+4.1%QoQ, +3.4%YoY) เติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาลที่เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ส่วน YoY รายเติบโตได้ดีในช่องทาง HORECA ตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่สูงขึ้นหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย และราคาน้ำยางที่สูงขึ้น หนุนรายได้เกษตรกรและเศรษฐกิจของภาคใต้ แต่คาด GPM จะลดลงเป็น 39.2% จาก 41.5% ใน 1Q64 เนื่องจากต้นทุนบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้นตามราคาพลังงานในตลาดโลก แต่ยังฟื้นตัวจาก 38.5% ใน 4Q64 เนื่องจากบริษัทมีการปรับกลยุทธ์ในการขายเน้นเป็นไซส์เล็กมากขึ้นจาก 2H64 ที่เน้นจำหน่าย ไซส์ใหญ่เพื่อบริโภคภายในบ้าน สอดคล้องกับสถานการณ์การที่คนออกจากบ้านมากขึ้น ทำให้ราคาขายเฉลี่ยต่อมิลลิลิตรสูงขึ้น ช่วยชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นบางส่วน ขณะที่ SG&A/Sales คาดที่ 30.2% ลดลงจาก 31.0% ใน 1Q64 จากการควบคุมต้นทุนมากขึ้น โดยรวมคาดกำไรปกติของ HTC ใน 1Q65 ที่ 125 ลบ. (+69.7%QoQ, -15.4%YoY)
ราคาพลังงานที่สูงขึ้นกดดัน GPM ปี 2565 … ปรับประมาณการลง
แนวโน้ม 2Q65 คาดเติบโต QoQ เป็นจุดสูงสุดของปี เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจ ขณะที่ YoY ยังต้องติดตามปัจจัยกดดันหลักอย่างต้นทุนบรรจุภัณฑ์ที่คาดจะยังทรงตัวสูงตามราคาพลังงานที่ปรับขึ้น จากผลกระทบของความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย – ยูเครน
แม้ว่าผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ที่เริ่มดีขึ้นชัดเจน แต่ด้วยต้นทุนบรรจุภัณฑ์ที่ปรับขึ้นมากกว่าที่เราคาดไว้กระทบ GPM เราจึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2565 ลง 9.4% เป็น 551 ลบ.(+ 3.0%YoY) จากการปรับ GPM ลงจากเดิมที่ 41.1% เป็น 40.1% เพื่อสะท้อนปัจจัยต้นทุนที่สูงขึ้น และเพิ่มความระมัดระวังต่อความผันผวนของราคาพลังงานที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม หากราคาพลังงาน และต้นทุนบรรจุภัณฑ์มีการปรับลงแรงและเร็วกว่าคาด มีโอกาสที่เราจะพิจารณาปรับประมาณการขึ้นได้เช่นกัน
ปรับราคาเป้าหมายลง แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ผลของของการปรับประมาณการกำไรปี 2565 ลง และอิง PER ที่ 14.8 เท่าตามเดิม ทำให้ได้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ใหม่ที่ 40.50 บาท มี Upside gain 23.7% จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เชิงกลยุทธ์แม้ราคาหุ้น YTD ยัง Laggard กลุ่ม แต่ด้วยภาพการเติบโตกำไรที่น้อยกว่ากลุ่ม และขาดประเด็นบวกใหม่ จึงมองว่าหุ้นเครื่องดื่มที่แนวโน้มเติบโตเด่นกว่ากลุ่มอย่าง ICHI, OSP เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
ประมาณการใหม่ของเรายังมี Upside จากธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่ายที่คาดจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นในปี 2565 และธุรกิจใหม่อย่างธุรกิจอสังหาฯที่จะเริ่มรับรู้รายได้ใน 2H65