บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์: 

PTT Exploration and Production Public Company Limited

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

กำไรปกติ 1Q65F โดดเด่นมากตามราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น

  • คาดกำไรปกติ 1Q65F โดดเด่นมาก ตามราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิถูกลดทอนจากขาดทุน Hedging ตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแรง
  • ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาส ขณะที่ราคาขายจะได้แรงหนุน หากราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวระดับสูง
  • มองว่า PTTEP ยังน่าสนใจ หากราคาน้ำมันดิบไม่ปรับลดลงแรงต่ำกว่า $90/บาร์เรล คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ประเด็นการลงทุน

  • กำไรปกติ 1Q65F โดดเด่นมากตามราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น เราคาดกำไรสุทธิ 1Q65F อยู่ที่ 1.03 หมื่นลบ. (-3%QoQ, -11%YoY) โดยหากไม่รวมรายการพิเศษ ได้แก่ ขาดทุนจาก Hedging ราคาน้ำมัน -$250m ตามราคาน้ำมันดิบ Brent ณ สิ้นไตรมาสที่เพิ่ม +32%QoQ เป็น $99/บาร์เรล โดย PTTEP ได้ทำ Hedging ไว้ 15.4 ล้านบาร์เรล คาดกำไรปกติโดดเด่นมากที่ 1.87 หมื่นลบ. (+10%QoQ, +387%YoY) การเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ, YoY โดยหลักจากราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่เพิ่มเป็น $52.1/BOE (4Q64 : $46.9, 1Q64 : $40.4) ตามราคาขายน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นตามราคาดูไบเฉลี่ยที่เพิ่มเป็นราว $92/บาร์เรล (4Q64 : $78.3, 1Q64 : $60.2) และราคาก๊าซเพิ่มเป็น $6.00/MMBTU (4Q64 : $5.81, 1Q64 : $5.61) ตามการอ้างอิงราคาน้ำมันดิบที่เป็นขาขึ้นมาต่อเนื่อง ทางด้านปริมาณขายคาดอยู่ที่ 427 พันบาร์เรล/วัน (+1%QoQ, +12%YoY) แม้จะต่ำกว่าเป้าหมายปริมาณขายที่ 436 พันบาร์เรล/วัน จากการผลิตที่ต่ำลงของโครงการบงกช  แต่ยังเพิ่มขึ้น QoQ จากโครงการอาทิตย์ ซึ่งปริมาณขายเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยแหล่งเอราวัณ สำหรับต้นทุนคาดอยู่ที่ $27.9/BOE (4Q64 : $29.5, 1Q64 : $28.0) ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่ถือว่าอยู่ในโซนสูงจากค่าใช้จ่าย Loyalty ที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ
  • ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาส เรามองว่า PTTEP จะมีแรงหนุนกำไรจากคาดปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นทุกไตรมาส โดยปริมาณขายใน 2Q65F จะเพิ่มขึ้นอีก +40-50 พันบาร์เรล/วัน เป็น 467-477 พันบาร์เรล/วัน  จากการผลิตที่เพิ่มขึ้นของโครงการบงกช จากระดับต่ำกว่าปกติใน 1Q65F และการเริ่มผลิตของโครงการเอราวัณและโครงการที่แอลจีเรีย นอกจากนั้น โครงการโอมานแปลง 61 จะผลิตเพิ่มขึ้นได้อีก +10 พันบาร์เรล/วัน ทางด้านราคาขายเฉลี่ย แนวโน้มราคาก๊าซจะสูงกว่า Guidance เดิมที่ $5.9/MMBTU อีกราว +$0.27/MMBTU ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มจากสมมติฐานเดิมที่ $67/บาร์เรลเป็นราว $85 (ทุก +$1 ของราคาน้ำมันดิบที่เปลี่ยนแปลงจะกระทบราคาก๊าซ +$0.015/MMBTU) รวมถึงคาดขาดทุนจำนวนมากจาก Hedging จะลดลงหากราคาน้ำมันดิบไม่ปรับเพิ่มรุนแรงไปกว่า $99/บาร์เรล ตาม Position ที่ทยอยลดลงจากการ Settle ในแต่ละไตรมาส

คำแนะนํา

  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หากราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวเหนือ $90/บาร์เรล จากทิศทางกำไรปกติที่มีเสถียรภาพสูง ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาส ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น และแนวโน้มขาดทุน Hedging ลดลง โดยทำให้ ROE ยกระดับขึ้นจาก 10% เป็น 13% ทั้งนี้ เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 166 บ. ตามสมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้ที่ $85/บาร์เรล ซึ่งยัง Conservative กว่าราคาน้ำมันดิบปัจจุบันมาก  และราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยที่ $75/บาร์เรลในระยะยาว ราคาหุ้นยังมี Upside +14% และให้เงินปันผล 3.8%

ปัจจัยเสี่ยง

  • ความผันผวน ความผันผวนด้านลบต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ และความต้องการใช้น้ำมันและก๊าซ
  • ปัจจัยเสี่ยงต่อกำไร ความเสี่ยงหลักต่อประมาณการกำไร คือ ปริมาณขายต่ำกว่าคาด ราคาขายเฉลี่ยต่ำกว่าคาด ต้นทุนผลิตสูงกว่าคาด และการมีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์
- Advertisement -