บล.พาย:
บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) “คาด 1Q22 ยังขาดทุน แม้ราคาขายในประเทศดี”
คาด 1Q22 ขาดทุน 1,500 ลบ.
เราคาดว่าผลประกอบการงวด 1Q22 ของ CPF จะยังเป็นอีกไตรมาสที่ขาดทุนที่ระดับ 1,571 ลบ. จากที่มีกำไร 6,945 ลบ. ใน 1Q21 และ 6,720 ลบ. ใน 4Q21 (แต่ถ้าดูเฉพาะรายการปกติจะขาดทุนลดลงจาก 3,474 ลบ. ใน 4Q21) แรงกดดันหลักมาจากต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นราคาข้าวโพด +23%YoY, +8%QoQ หรือกากถั่วเหลือง +13%YoY, +9%QoQ แม้จะได้รับผลดีจากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาสุกรอยู่ที่ 94 บาท/กก (+35%YoY, +22%QoQ) และเนื้อไก่ที่ 39 บาท/กก. (+22%YoY, +19%QoQ) โดยคาดรายได้ที่ 142,307 ลบ. (+19%YoY, +3%QoQ) กำไรขั้นต้นที่ 10.5% ลดลงจาก 20% ใน 1Q21 แต่ดีขึ้นจาก 7% ใน 4Q21 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 14,231 ลบ. (+22%YoY, +3%QoQ) ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนบริษัทร่วมอยู่ที่ 60 ลบ. พลิกจากที่รับรู้ส่วนแบ่งกำไร 2,043 ลบ. ใน 1Q21 และ 2,636 ลบ. ใน 4Q21 เนื่องจาก CTI ได้รับผลกระทบจากราคาสุกรที่ยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันเหลือเพียง 11-12 หยวน/กก. ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยงแล้ว และแม้ว่าจะมีความพยายามขายหมูชำแหละมากขึ้น ก็ยังไม่อาจจะลดผลกระทบดังกล่าวลงได้ทัน รวมถึง CPF ยังมีการถือหุ้น CTI เพิ่มเป็น 27% จาก 18% ทำให้ต้องรับผลกระทบดังกล่าวเข้ามาเพิ่ม
ราคายังยืนสูงได้ แต่ต้นทุนยังน่ากังวล
สำหรับภาพรวมราคาเนื้อสัตว์คาดว่าจะยังเห็นการยืนในระดับสูงได้ที่ประเทศไทย หลังผลผลิตสุกรยังไม่ฟื้น และความต้องการไก่ส่งออกเพิ่มขึ้น หลังสามารถส่งไปซาอุดิอาระเบียได้ (CPF เริ่มส่งไปแล้วในช่วงปลายเดือนมี.ค.แต่ยังมี สัดส่วนไม่มากนัก เพียงหลักร้อยตัน เทียบกับการส่งปกติที่ระดับมากกว่า 10,000 ตัน/เดือน) การค่อยๆ ฟื้นตัวที่เวียดนามหลังรัฐบาลเปิดประเทศมากขึ้น ขณะที่จีนยังต้องรอดูอีกครั้งหลังมีการล็อคดาวน์ทำให้ความต้องการบริโภค ลดลงกดดันราคาสินค้าอยู่ โดยสิ่งที่น่ากังวลต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีก่อนจนถึงต้นปีนี้ คือ ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดหรือกากถั่วเหลือง ที่กระทบกับต้นทุนการเลี้ยงอย่างมาก ซึ่งสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซียจะสิ้นสุดช่วงใด
คงประมาณการเดิมไปก่อน
เรามองว่าในแง่รายได้คาดว่าจะเติบโตได้ตามเป้าที่เราประเมินไว้ที่ 582,950 ลบ. (+14%YoY) แต่กำไรสุทธิที่เราคาดไว้ที่ 16,181 ลบ. อาจจะเป็นระดับที่สูงไปหลังจากคาดว่าในช่วง 1Q22 อาจจะออกมาขาดทุน ทั้งนี้เราอาจจะมีการปรับประมาณการลงหลังประกาศผลประกอบการอีกครั้ง สำหรับคำแนะนำการลงทุน แม้ว่า CPF จะมีปัจจัยบวกอยู่ทั้งราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่อยู่ในระดับสูง และข่าวดีถึงการส่งออกไก่ไปยังซาอุฯได้ แต่ด้วยต้นทุนที่ยังกดดัน รวมถึงผลประกอบการงวด 1Q22 ที่คาดว่าจะไม่ดีนัก เราจึงคงคำแนะนำ “ถือ” เช่นเดิมและประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ที่ 26.25 บาท (14XPER’22E) ทั้งนี้ CPF ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวด 2H21 จำนวน 0.25 บาท/หุ้น (ทั้งปีจ่ายรวม 0.65 บาท/หุ้น ) XD 5 พ.ค. จ่าย 25 พ.ค.







