KS Daily View 11.04.2022 >>> ตลาดหุ้นโลกและไทยแกว่งตัว/ รอติดตามยอดผู้ติดเชื้อในไทยหลังสงกรานต์/ SET คาด 1680-1690 หุ้นแนะนำ SYNEX

ตลาดต่างประเทศ : KS ประเมินตลาดหุ้นทั่วโลกสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวลงต่อ(Sideway Down) เนื่องจากสัปดาห์นี้ไม่ได้มีเหตุการณ์(Event) อะไรสำคัญที่มีนัยยะ ประกอบกับปัจจัยบวกสนับสนุนที่จะทำให้ตลาดกลับทิศทางเป็นขาขึ้นในช่วงนี้ยังไม่มี โดยยังเชื่อว่าตลาดหุ้นโลกอาจจะมีโอกาสปรับฐานสั้นๆ (จากประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ ประเมินสัปดาห์นี้หากตลาดปรับลงจะไม่ใช่จากประเด็น Fed เนื่องจากได้ตอบรับข่าวลบไปแล้วในช่วงกลางอาทิตย์ที่ผ่านมาหลัง Fed Minute ส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินตึงตัว(Hawkish) ทั้งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50bps และปรับลดขนาดงบดุล 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ในการประชุมรอบพ.ค.) อย่างไรก็ตาม KS ประเมินว่า “ยังไม่ใช่ขาลง”และอาจเห็นแรงดีดกลับ(Rebound)ได้บางวัน ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม คือ วันอังคารที่ 12 เม.ย. รายงานเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน มี.ค. ตลาดคาด 8.3%YoY เพิ่มขึ้นจาก 7.9% ในเดือน ก.พ. หากออกมาสูงกว่าคาดอาจเพิ่มน้ำหนักการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ และติดตามการรายงานผลประกอบการงวด 1Q65 โดยในสหรัฐ หลักๆ คือ กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐ อาทิ JP Morgan, Goldman sach, CITI Grop ฯลฯ Consensus คาด กำไรจะอ่อนตัว YoY และ QoQ (ยังไม่ได้ผลบวกจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นสหรัฐ เพราะ Fed พึ่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกกลางเดือน มี.ค.65) ส่วนทิศทางราคาน้ำมันคาดยังผันผวน แต่มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อ จากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ประกาศระบาย 60 ล้านบาร์เรลจากคลังน้ำมันสำรองฉุกเฉิน ตามหลังสหรัฐที่จะระบายน้ำมัน 180 ล้านบาร์เรล

ตลาดในประเทศ : ประเมินว่าเนื่องจากสัปดาห์นี้มีวันทำการเพียง 2 วัน ก่อนหยุดเทศกาลสงกรานต์ เชื่อว่ามูลค่าการซื้อขายจะเบาบาง และนักลงทุนจะ Wait&see รอตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศหลังเทศกาลสงกรานต์ว่าจะเร่งตัวมากเพียงใด? โดยล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ที่ระดับประมาณ 40,000-50,000 รายต่อวัน (ATK+PCR), มีผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 848 ราย เทียบกับช่วงพีคสุดของระลอก ‘เดลต้า’ 1,172 ราย ส่วนผู้ป่วยอาการหนัก(ปอดอักเสบ) 1,993 ราย เทียบกับช่วงพีคสุดของระลอก ‘เดลต้า’ 5,615 ราย หนุนแรงเก็งกำไรกลุ่มโรงพยาบาลต่อ(BCH, CHG) แต่อาจจะกดดันหุ้นกลุ่มเปิดเมืองในช่วงสั้น ระยะถัดไปหลังสงกรานต์ประเมินตลาดจะให้น้ำหนักการประกาศผลประกอบการ(Earning) ในงวด 1Q65 เริ่มจากกลุ่มธนาคาร KS ได้ทำพรีวิวคาดกำไรกลุ่มธนาคารจะโตขึ้น 10% QoQ และ 1% YoY จากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญและอัตราส่วนต้นทุน/รายได้ที่ลดลง ส่วน Sector อื่นๆ นักวิเคราะห์ KS อยู่ในช่วงทำพรีวิว คือ บริษัทที่กำไรงวด 1Q65 คาดจะ +%QoQ และ+%YoY อาทิ BAY,KTB, SCB, KTC, BDMS ส่วนบริษัทที่กำไร -%QoQ และ -%YoY อาทิ TISCO,TTB, TU, PTTEP, CPF, ADVANC

กลยุทธการลงทุน : KS ประเมินทิศทางการลงทุนภาพใหญ่ให้ติดตามการทำ sector rotaion ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ออกจากกลุ่ม Growth (IT, Communication service, Consumer Discretionary ปรับตัวลงคืนวันศุกร์) ไปยังกลุ่ม Value (Energy และ Financial ปรับขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์) จากทิศทางดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้คือตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ แต่หาก BY 10 ปีขึ้นแรงจนมากกว่า 10Y break-even inflation rate ที่ 2.87% อาจทำให้ตลาดกลับมากังวลว่าดอกเบี้ยที่เร่งตัวขึ้นจะไปกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และทำให้มีการย้ายเม็ดเงินไปยังกลุ่ม Defensive(Healthcare, Utilities, REITs) มากขึ้น ส่วนการลงทุนหุ้นไทย KS ยังคงมุมมองเดิมคือ ตลาดหุ้นโลกและ SET Indexในวันนี้คาดยังแกว่งตัว ยังแนะนำ Trading โดยเป็นวิธีการการสับเปลี่ยนกลุ่ม(Rotation) ไปในกลุ่มที่หุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว และมีความแข็งแกร่งช่วงที่ตลาดผันผวนหลักๆ คือ กลุ่มการแพทย์ (BH, BDMS) กลุ่มโรงไฟฟ้า Utilities (GULF, GUNKUL,GPSC) กลุ่ม REITS (ALLY, B-WORK, DIF) กลุ่ม Growth (COM7, SYNEX, BBIK, BE8) กลุ่มการเงิน (TIDLOR, ASK ,THANI, AEONTS, BAM CHAYO) กลุ่มเครื่องดื่ม (SAPPE OSP) ส่วนกลุ่มชะลอการลงทุน คือ กลุ่มปิโตรเคมี และ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1680-1690 หุ้นแนะนำ SYNEX

Top pick :

  • SYNEX (ราคาพื้นฐาน 29.0 บาท) ปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้แก่ 1) โมเมนตัมของกำไรไตรมาส 1/2565 ที่แข็งแกร่งจากจากการเริ่มกลับมาทำงาน/ศึกษาในสถานที่ จากยอดติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล “ช้อปดีมีคืน 2” โดยหนึ่งในสินค้ายอดนิยมของผู้บริโภคที่อยู่ในระบบเงินเดือนคือโทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป 2) ความเสี่ยงขาขึ้นต่อประมาณการกำไรปี 2565 ของเราจากปัญหาการขาดแคลนชิปที่ยาวนาน 3) Upside ต่อประมาณการกำไรของเราจากการลงทุนใหม่

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของจีนเดือน มี.ค. คาด -0.1% MoM และ +1.2% YoY ตัวเลขดัชนี PPI ของจีนเดือน มี.ค. คาด +8.0% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +8.8% YoY) ถ้อยแถลงของ Fed Bostic, Fed Bowman, และ Fed Evans
  • วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของเยอรมันเดือน มี.ค. คาด +7.3% YoY ตัวเลข Wholesale Prices ของเยอรมันเดือน มี.ค. คาด +20.9% YoY อัตราการว่างงานของอังกฤษเดือน ก.พ. คาด 3.9% ดัชนี Zew Economic Sentiment ของเยอรมันเดือน เม.ย. คาด -48 จุด แย่ลงจากเดือนก่อนหน้าที่ -39.3 จุด ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +1.2% MoM และ +8.5% YoY ตัวเลข Core inflation ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.5% MoM และ +6.6% YoY ถ้อยแถลงของ Fed Brainard และรายงานภาวะตลาดน้ำมันรายเดือนของ OPEC
  • วันพุธ ติดตาม ตัวเลข Loan growth ของจีนเดือน มี.ค. คาด +11.4% YoY ตัวเลข M2 ของจีนเดือน มี.ค. คาด +9.2% YoY ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของจีนเดือน มี.ค. คาด +13% YoY และ +8% YoY ดุลการค้าของจีนเดือน มี.ค. คาด US$22.4bn (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ US$116bn) ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของอังกฤษเดือน มี.ค. คาด +6.7% YoY ถ้อยแถลงของ BoJ Gov Kuroda ตัวเลขดัชนี PPI ของสหรัฐฯเดือน มี.ค. คาด +1.1% MoM และ +10.5% YoY การประชุมธนาคารกลางของแคนาดาคาดขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 50bps. เป็น 1.0% และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม การประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้คาดขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps. เป็น 1.50% อัตราการว่างงานของออสเตรเลียคาด 3.9% (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 4.0%) การประชุมธนาคารกลางยุโรป คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0% รวมถึงอาจมีการปรับแผนเรื่องการหยุด QE (คาดภายใน 3Q22) และส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นในปีนี้เพื่อคุมเงินเฟ้อ ตัวเลข Retail sales ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.6% MoM และ +11% YoY ดัชนี Import Prices เดือน มี.ค. คาด +2.3% MoM และ +11.2% YoY ดัชนี Michigan Consumer Sentiment Prel ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด 58.8 จุด (-1% MoM)
  • วันศุกร์ ติดตาม ดัชนีราคาบ้านของจีนเดือน มี.ค. คาด +1.9% YoY และดัชนี Industrial production ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.4% MoM และ +6.0% YoY
- Advertisement -