Our View? “ฟื้นขึ้นต่อ”
คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,675 / 1,670 และแนวต้านที่บริเวณ 1,690 / 1,695 ยังมองตลาดยังให้ความสนใจกับแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) โดยเมื่อคืนนี้ นางแมรี ดาลี ประธาน FED สาขาซานฟรานซิสโก ให้มุมมองที่สอดคล้องกับ นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาแอตแลนตา และนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธาน FED สาขาชิคาโก ที่แสดงความคิดเห็น FED ควรระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับครั้งละ 50 BPS ในการประชุม 2 ครั้งที่จะถึงนี้ ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐจะอยู่ที่ระดับ 225-250 BPS ในปีนี้ ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ไว้ในปัจจุบัน โดยล่าสุด CME Fed Watch Tools บ่งชี้ตลาดคาดว่าในสิ้นปีนี้ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐจะอยู่ที่ระดับ 275 – 300 BPS สะท้อนตลาดกังวลกับการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ไปในระดับที่สูงแล้ว คาดจะยังช่วยผ่อนคลายความกังวล ดังกล่าวได้ต่อ
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US-Bond Yield) เริ่มอ่อนตัวลงบ้างแล้ว เช้านี้รุ่นอายุ 10 ปี แกว่งตัวอยู่ที่บริเวณ 2.86% หลังเมื่อวานนี้พยายามขึ้นเข้าใกล้ระดับ 3% สูงสุดในรอบ 3 ปี เรามองแนวต้านของ 10 Years US-Bond Yield ในช่วง 3.00-3.25% จะเป็นโซนแนวต้านที่แข็งแกร่งชะลอการปรับตัวขึ้นและคาด US Bond Yield จะทรงตัวไปอีกระยะ มองเป็นปัจจัยบวกช่วงลดแรงกดดันจากการแคบลงของส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์เสี่ยงต่อสินทรัพย์ปลอดภัยได้
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ค. เริ่มชะลอการอ่อนตัวลงบ้างเล็กน้อย โดยเมื่อคืนนี้ปิดที่ระดับ 102.19 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.14 ดอลลาร์ (+0.14%) โดยได้รับทั้งปัจจัยบวกและลบสลับกันไป โดย ตลาดยังคงกังวล IMF เปิดเผยการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี’65 – 66 ลงเหลือที่ระดับ +3.6% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ระดับ 4.4% และ 3.8% ตามลำดับ จากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน สะท้อนแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันได้รับปัจจัยบวกระยะสั้นหลังมีรายงาน OPEC+ ผลิตน้ำมันต่ำกว่าเป้าในเดือน มี.ค. อีกทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี กล่าวว่าเยอรมนีจะยุติการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ โดยจะปรับลดลง 50% ภายในฤดูร้อนนี้ ก่อนที่จะลดลงให้เหลือ 0% ภายในสิ้นปีนี้ คาดจะช่วยหนุนทิศทางราคาน้ำมันดิบ-หุ้น ในกลุ่มพลังงานแกว่งตัวออกด้านข้างอิงทางบวกได้
ในส่วนของปัจจัยในประเทศ ตลาดยังติดตามการเปิดเผยผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดย Bloomberg Consensus คาดจะออกมาเติบโต 17.41% QoQ และ 7.94% YoY คาดจากสินเชื่อโดยรวมดูดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้ง ECL ที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังเร่งบริเวณหนี้เสียในช่วง 4Q′64 ที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นที่รายงานออกมาในช่วงก่อนหน้าทิ TISCO, KKP, TTB และ BAY ล้วนรายงานผลประกอบการ ออกมาดีกว่าที่ตลาด มองเป็นปัจจัยบวกต่อแรงเข้าซื้อหุ้นธนาคารใหญ่ฟื้นตัวกลับขึ้นได้อีกครั้ง
อีกทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม สายการบิน จากการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศในวันที่ 1 พ.ค. รวมทั้งยกเลิกระบบไทยแลนด์พาส (Thailand Pass) 1 มิ.ย. รวมทั้งล่าสุดศูนย์ ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ได้ประกาศยกเลิกค่าเตือนห้ามเดินทางมายังประเทศไทย โดยเป็นการลดระดับกลุ่มความเสี่ยง COVID-19 จากระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดสู่ระดับ 3 คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวขึ้นได้ต่อ
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “MBK”
กลยุทธ์ ซื้อสะสม แนวรับ 12.80/12.50 Target 14.00 / 15.20 Stop <12.10








