บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +32.0%
Close Apr 20, 2022 Price (THB) 62.50
12M Target (THB) 82.50
Previous Target (THB) 82.50
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 655 ล้านบาท (+1.4% QoQ, +52.1% YoY) กำไรที่ทรงตัว QoQ แม้ไม่ใช่ช่วง High Season จาก GPM ที่ดีขึ้น กำไรที่เติบโต YoY มาจากรายได้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ที่โตเด่น
- แนวโน้มเติบโตดีทุกไตรมาส แต่มีความเสี่ยงกรณีรัสเซีย-ยูเครนที่อาจกระทบ Global Automotive Supply Chain ต้องติดตาม
Our view
- เราคงประมาณการปี 2565 ที่ 2.8 พันล้านบาท (+23% YoY) และคำแนะนำ “ซื้อ” บนราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 82.50 บาทต่อหุ้น อิง PER Band 35.0x (+1.0SD) ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อ ขาย บนค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี อย่างไรก็ดี KCE มีประเด็นการขยายกำลังการผลิตขนาดใหญ่ในช่วง 1 ปีจากนี้ ทำให้หุ้นสมควรถูกซื้อ ขาย สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างน้อยที่ระดับ +1.0SD หากเศรษฐกิจโลกไม่เกิด Recession
KCE ELECTRONICS คาดกำไรปกติ 1Q65 ทรงตัว QoQ แต่เติบโต YoY
คาด 1Q65 กำไรปกติทรงตัว QoQ แต่เติบโต YoY
คาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 655 ล้านบาท (+1.4% QoQ, +52.1% YoY) กำไรที่ทรงตัว QoQ แม้ไม่ใช่ช่วง High Season จาก GPM ที่ดีขึ้น กำไรที่เติบโต YoY มาจากรายได้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ที่โตเด่น สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1) คาดรายได้หลักอยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท (-20% QoQ, +20.4% YoY) จากคาดยอดขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ คาดที่ 125 ล้านเหรียญ (-1.2% QoQ, +10.3% YoY) การขึ้นสายการผลิตที่ลาดกระบังคาดมี พัฒนาการการผลิตที่ดีขึ้น ขณะที่สายการผลิตที่อยุธยาติดตั้งเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ระหว่างปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การผลิตที่ยังทำได้ไม่เต็มศักยภาพทำให้ยังไม่สามารถทำรายได้ที่ระดับ 130-135 ล้านเหรียญต่อไตรมาส ซึ่งน่าจะทำได้อย่างช้าใน 2H65
2) อัตรากำไรขั้นต้นคาดที่ 27.5% (+220bps QoQ, +247bps YoY) จากค่าบาท/USD ที่อ่อนค่า -0.9% QoQ, +9.2% YoY และ efficiency ที่เพิ่มขึ้นจากสายการผลิตที่ลาดกระบังที่ปรับปรุงได้ดีขึ้นมาก เพียงพอชดเชยแรงกดดันด้าน Raw Material และ
3) SG&A คาดที่ 430 ล้านบาท (+7.2% QoQ,+7.0% YoY) โตน้อยกว่ารายได้ที่เติบโต
คงประมาณการ … รอ Guidance เพิ่มเติมหลังการประชุมนักวิเคราะห์ 1Q65
หากกำไรออกมาตามคาด กำไรปกติ 1Q65 จะคิดเป็น 23.5% ของประมาณการทั้งปี 2565 ที่ 2.8 พันล้านบาท (+22.6% YoY) เราคาด 2Q065 KCE จะได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตที่อยุธยาที่น่าจะเป็นเครื่องจักรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และแนวโน้มค่าเงินบาท/USD ที่อ่อนค่า (QTD + จะช่วยชดเชยราคาทองแดงที่ยังอยู่ในระดับสูง) ขณะที่ 2H65 คาดผลประกอบการได้แรงส่งจากช่วง High Season ของธุรกิจ ทำให้ประมาณการของเรายังสมเหตุสมผล
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงมหภาคเริ่มก่อตัวมากขึ้น จาก 1) สงคราม Russia-Ukraine แม้ในช่วงแรกเราเชื่อว่าผลกระทบจำกัด เพราะ Part การผลิตของรถยนต์ที่มาจาก Ukraine เป็น Part ที่ทดแทนได้ไม่ยาก การหยุดผลิตของโรงงานลูกค้าในยุโรปในช่วงแรกเป็นการหยุดระยะสั้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากสงครามลากยาว ผลกระทบมีโอกาสมากขึ้น ทั้งด้านของ Demand ที่จะมีความเสี่ยงของเศรษฐกิจยุโรปที่อ่อนแอลง ซึ่งเป็นตลาดหลักของ KCE และปัญหาการขาดแคลน Part ในอุตสาหกรรมรถยนต์อาจลากยาวมากขึ้น ส่งผลให้การผลิตอาจทำได้ไม่เต็มศักยภาพ และ 2) สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในประเทศจีนที่อาจเป็นทั้งโอกาสแย่งลูกค้าของ KCE และความเสี่ยงหากเศรษฐกิจจีนอ่อนแอเพราะตลาดจีนเป็นตลาดบริโภครถยนต์รายใหญ่ของโลก เราประเมินว่าขนาดของผลกระทบขึ้นอยู่กับว่าบริษัทฯ จะบริหารจัดการได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในการประชุมร่วมกับผู้บริหารหลังการรายงานผลประกอบการ 1Q65
คงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 82.50 บาท
เราคงประมาณการปี 2565/66 ที่ 2.8 พันล้านบาท (+23% YoY) และ 3.7 พันล้านบาท (+34% YoY) และคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 82.50 บาทต่อหุ้น อิง PER Band 35.0x (+1.0SD) ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อ ขาย บน PER65 ที่ราว 27x ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี อย่างไรก็ดี เรามองว่า KCE มีประเด็นการขยายกำลังการผลิตขนาดใหญ่ในช่วง 1 ปีจากนี้ ทำให้หุ้นสมควรถูกซื้อ ขาย สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างน้อยที่ระดับ +1.0SD
ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) ค่าเงินบาท/USD 2) ราคาทองแดง 3) การขึ้นสายการผลิตโดยเฉพาะโรงงานที่โรจนะทำได้ล่าช้ากว่าคาด และ 4) การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยโดยเฉพาะในตลาดยุโรป








