บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +25.0%
Close Apr 20, 2022 Price (THB) 13.20
12M Target (THB) 16.50
Previous Target (THB) 16.50
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 125 ล้านบาท พลิกกลับมาเป็นกําไร QoQ จากค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.60 บาท/ลิตร จาก 1.26 บาท/ลิตรใน 4Q64 แต่ลดลง YoY จากค่าการตลาดที่ยังคงต่ำกว่า 1.84 บาท/ลิตร ใน 1Q64 และปริมาณขายที่ลดลง YoY
- กำไรปกติ 2Q65 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากค่าการตลาดที่สูงขึ้น QoQ และปริมาณขายที่เติบโต QoQ จากปริมาณการเดินทางภายในประเทศที่สูงขึ้นในช่วงสงกรานต์
Our view
- คงราคาเหมาะสมที่ 16.50 บาท/หุ้น (อิง PER65 ที่ 22.2x) Upside 25.0% คงคำแนะนำ “ซื้อ”
- ในเชิงกลยุทธ์อาจยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน เนื่องจากกำไรปกติ 1Q65 ยังคงอ่อนแอ นอกจากนี้ในกรณีที่ราคาน้ำมันโลกเริ่มปรับตัวลง กองทุนน้ำมันอาจมีการพิจารณาลดเงินอุดหนุนน้ำมันลง เพื่อรักษาสถานะการเงินของกองทุน จึงอาจส่งผลให้ค่าการตลาดปี 65 ยังคงไม่กลับไปอยู่ในระดับ 1.80 บาท/ลิตร
PTG ENERGY คาดพลิกกลับมาเป็นกำไร QoQ
คาดผลประกอบการ 1Q65 พลิกกลับมาเป็นกำไร QoQ
แม้คาดปริมาณขายน้ำมันรวม 1Q65 ลดลงมาอยู่ในระดับ 1,264 ล้านลิตร (-2% QoQ, -5% YoY) หลังออกจากช่วง High Season ของการเดินทางในประเทศ และได้รับผลกระทบจากการปรับราคาขายขึ้นสูงกว่าผู้ให้บริการรายอื่น แต่คาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 125 ล้านบาทพลิกกลับมาเป็นกำไร QoQ หนุนจาก 1) ค่าการตลาดที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ 1.60 บาท/ลิตร เทียบกับ 1.26 บาท/ลิตร ใน 4Q64 เนื่องจากบริษัทฯ มีการปรับราคาขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้น (ราคาขายดีเซลสูงกว่า 30 บาท/ลิตร) จึงสามารถลดผลกระทบจากนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐลง QoQ 2) คาดปริมาณขาย LPG ที่ 106 ล้านลิตร เติบโตอย่างต่อเนื่อง +4% QoQ จากการทำกิจกรรมการตลาดสำหรับธุรกิจดังกล่าวมากขึ้น และ 3) รายได้จากธุรกิจ Non-Oil ที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องตามการขยายสาขาเพิ่มเติม (กาแฟพันธุ์ไทย +36 สาขา, Max Mart +10 สาขา, Autobacs +8 สาขา) อย่างไรก็ตาม คาดกำไรปกติ 1Q65 ลดลง -76% YoY หลังถูกกดดันจาก 1) ปริมาณขายน้ำมันรวมที่ลดลง YoY 2) ค่าการตลาดน้ำมันที่ลดลงจาก 1.84 บาท/ลิตรใน 1Q64 และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลงมาอยู่ในระดับ 43 ล้านบาทจาก 78 ล้านบาทใน 1Q64 เนื่องจากกำไรของธุรกิจ Palm Complex ลดลง YoY จากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น หากกำไรปกติ 1Q65 ออกมาใกล้เคียงคาด จะคิดเป็นสัดส่วน 10% ของประมาณการทั้งปี
กำไรปกติ 2Q65 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง
กำไรปกติ 2Q65 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง QoQ หลังได้รับแรงหนุนจาก 1) ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลเฉลี่ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น QoQ หลังภาครัฐยังคงมีการใช้มาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล (ครบกำหนด 20 พ.ค.) และคงเงินอุดหนุนน้ำมันดีเซลไว้ในระดับสูง (11.21 บาท/ลิตร ณ วันที่ 20 เม.ย.) และ 2) ปริมาณขาย ณ น้ำมันรวมที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น QoQ จากปริมาณการเดินทางในประเทศที่สูงขึ้นจากช่วงวันหยุดสงกรานต์ และการปรับราคาลงให้เท่ากับผู้ให้บริการรายอื่น (ปรับลงในช่วงกลางเดือน มี.ค.) ปัจจุบันภาครัฐเริ่มมีการหารือเกี่ยวกับการดูแลราคาน้ำมันดีเซล หลังมาตรการตรึงราคาจะสิ้นสุดลงในเดือน เม.ย. 65 โดยจะเปลี่ยนเป็นการอุดหนุนราคาดีเซล 50% ในส่วนที่เกิน 30 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นการลดภาระของกองทุนน้ำมันฯ แต่คาดประเด็นดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าการตลาดน้ำมัน เนื่องจากเป็นการปรับส่วนของราคาขายปลีกน้ำมันและเงินอุดหนุนในโครงสร้างราคาน้ำมัน
ค่าการตลาดน้ำมันยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา
แม้ภาครัฐจะยังมีแนวโน้มอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่องใน 2Q65 แต่หากระดับราคาน้ำมันโลกเริ่มปรับตัวลงใน 2H65 อาจส่งผลให้ภาครัฐกลับมาพิจารณาถึงความจำเป็นในการอุดหนุนน้ำมันดีเซลอีกครั้ง ซึ่งหากมีการลดเงินอุดหนุนลง (เพื่อรักษาฐานะทางการเงินของกองทุนน้ำมันฯ) คาดส่งผลให้ค่าการตลาดเฉลี่ยปี 2565 ยังไม่ฟื้นตัวกลับไปอยู่ในระดับ 1.80 บาท/ลิตร โดยเรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 1,216 ล้านบาท (+21% YoY) และคงราคาเหมาะสมที่ 16.50 บาท/หุ้น (อิง PER65 22.2 เท่า) มี Upside 25.0% คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดย PTG มีประเด็นบวกรออยู่ 2 ประเด็นในช่วงที่เหลือของปี คือ 1) การเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (รอความชัดเจนของสัญญาการซื้อขายไฟจากภาครัฐ) และ 2) การ Spin-off ธุรกิจ Palm Complex และธุรกิจ LPG ในช่วง 2H65 อย่างไรก็ตาม ในเชิงกลยุทธ์อาจยัง ไม่ต้องรีบเข้าลงทุน เนื่องจากกำไรปกติ 1Q65 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ YoY รวมถึงค่าการตลาดน้ำมันยังมีโอกาสถูกกดดันจากการลดเงินอุดหนุนของกองทุนน้ำมันฯในช่วง 2H65








