บล.ทรีนีตี้:
ควอลิตี้ เฮ้าส์ – QH
Gross Margin ปรับตัวสูงขึ้น แนวราบหนุนยอดโอนเติบโตต่อเนื่อง
- QH รายงานกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 585 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 18.4% QoQ และ 36% YoY
- รายงานรายได้รวมที่ 2.09 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 12.7% QoQ แต่ปรับตัวสูงขึ้น 2.9% YoY จากรายได้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ 1.91 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 14% QoQ แต่ปรับตัวสูงขึ้น 3% YoY
- ยังคงคาดการณ์กำไรปี 2565 ที่ 2.32 พันล้านบาท เติบโต 39% YoY โดยที่เราคาดว่า Gross Margin จะอยู่ที่ 32% และการเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการ คาดว่าจะส่งผลให้มียอดโอนที่ 8.4 พันล้านบาท
- คงแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 2.56 บาท
1Q65 Earnings Review
- QH รายงานกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 585 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 18.4% QoQ และ 36% YoY มีรายได้จากการโอนที่ 1.91 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 14% QoQ แต่ปรับตัวสูงขึ้น 3% YoY
- รายได้จากกลุ่มแนวราบเติบโต 4% YoY แต่รายได้จากกลุ่มคอนโดปรับตัวลดลง 32% YoY
- มีรายได้จากกลุ่มโรงแรมที่ 101 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 6% QoQ และ 16% YoY เป็นผลมาจากการเดินทางที่เพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากมาตรการ Test&Go และ Alternative Quarantine และรายงานรายได้รวมใน 1Q65 ที่ 2.09 พันล้านบาท ปรับตัว ลดลง 12.7% QoQ แต่ปรับตัวสูงขึ้น 2.9% YoY
- กำไรส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมอยู่ที่ 399 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 22.3% QoQ และ 3% YoY โดยกำไรส่วนแบ่งจาก HMPRO มีการเติบโตสูงสุดที่ 11% YoY
- ระดับ Gross Margin ของโครงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 33.87% ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 29.9% ใน 1Q64 และจากระดับเฉลี่ยที่ 30.3% ของทั้งปี 2564
ยังคงคาดการณ์กำไรปี 2565
- Gross Margin เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจากปี 2564 ละมีการควบคุมค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราการทำกำไรรวมมีทิศทางขาขึ้น
- ยังคงคาดการณ์กำไรปี 2565 ที่ 2.32 พันล้านบาท จากคาดการณ์ยอดโอนที่ 8.4 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 12% YoY โดยคาดสัดส่วนยอดโอนจะมาจากโครงการแนวราบ 90% และจากโครงการที่เป็นคอนโดที่ 10% (สัดส่วนจากโครงการ Q Sukhumvit ที่ 400 ล้านบาท) โดยในปี 2565 จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่ารวม 9.53 พันล้านบาท QH ตั้งเป้ายอด Presales ที่ 9.2 พันล้านบาท เติบโต 22.7% YoY เป็นสัดส่วนของโครงการแนวราบที่ 8.28 พันล้านบาท และจากโครงการคอนโดที่ 920 ล้านบาท
รายได้แนวราบหนุนยอดโอน และ Margin แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 2.56 บาท
ยังคงแนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 2.56 บาท โดยที่ปี 2565 คาดมียอดโอนและกำไรที่ฟื้นตัวได้ดีจากปี 2564 โดยกลุ่มแนวราบจะมีโครงการใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า สามารถลดการใช้ Promotion เพื่อเพิ่ม Margin ให้ดีขึ้น ขณะที่กลุ่มคอนโด คาดว่าจะมียอดโอนมาจากโครงการ Q Sukhumvit เพิ่มมากขึ้นหลังจากเปิดประเทศ
ปัจจัยเสี่ยง
อัตราการแข่งขันการเปิดโครงการใหม่สูง, ยอดปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารที่เป็นตัวกดดันยอดขาย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ส่งผลให้ลูกค้าเลื่อนการซื้อไปในอนาคต, ราคาที่ดินในบริเวณเขตธุรกิจ (CBD) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนโครงการสูงขึ้นเช่นกัน, การกดดันของยอดขายโครงการคอนโด หลังจากที่ไม่มีการเปิดโครงการคอนโดใหม่ และลูกค้าต่างชาติยังไม่สามารถเดินทางได้