บล.ทรีนีตี้

ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป – TU

กําไร 1Q65 ดีกว่าคาด แต่ภาพรวมยังไม่สดใส

  • กำไร 1Q65 อยู่ที่ 1,746 ล้านบาท อ่อนตัว 10%QoQ และ 3%YoY ดีกว่าคาดราว 16% แต่เป็นผลจากการเครดิตภาษีเงินได้ หากดูที่ EBIT จะต่ำกว่าคาดราว 8%
  • ยอดขายรวมเพิ่มขึ้นสูง YoY ซึ่งส่วนหนึ่งได้ผลบวกจากค่าเงิน ขณะที่ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังเติบโตได้ดี
  • อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย จากต้นทุนค่าขนส่งและวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่ยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างสูง
  • ผลประกอบการของ Red Lobster แย่กว่าคาดมาก เนื่องจากผลกระทบของโรคระบาด ทำให้จำนวนลูกค้าลดลง บวกกับต้นทุนในการดำเนินงานสูงขึ้น
  • ปรับประมาณการกำไรปี 65-66 ลง 7% และ 2% ตามลำดับ โดยหลักเพื่อสะท้อนธุรกิจ Red Lobster ที่อาจไม่ฟื้นตัวเร็วอย่างที่คาด
  • ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 20.50 บาท แม้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ราคาหุ้นระยะสั้นอาจยังถูกกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนตัว

กำไร 1Q65 ดีกว่าคาด แต่ภาพรวมยังไม่สดใส

TU ประกาศกำไรสุทธิที่ 1,746 ล้านบาท อ่อนตัว 10%QoQ และ 3%YoY ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าราว 16% แต่ผลบวกในไตรมาสนี้มาจากการเครดิตภาษีเงินได้ของธุรกิจในสหรัฐฯ และยุโรป หากดูในแง่ของ EBIT จะต่ำกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้าราว 8% ด้านยอดขายรวมในไตรมาสนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17%YoY (แม้ว่าจะอ่อนตัวลงบ้างราว 6%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล) โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง หากไม่นับรวมปัจจัยด้านค่าเงิน ยอดขายจะเพิ่มราว 12.4%YoY โดยแรงหนุนหลักมาจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการเปิดเมืองของหลายประเทศ และราคาขายที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ายังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง จากการทำตลาดและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงจาก 18.2% ในไตรมาสก่อน เหลือ 17.5% แต่ยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารทะเลกระป๋อง และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังคงดีอยู่ แต่กำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าขนส่งและวัตถุดิบที่สูงขึ้น ด้านส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 177 ล้านบาท จาก 161 ล้านบาท ในไตรมาสก่อน เนื่องจากธุรกิจของ Red Lobster ยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID สายพันธุ์ Omicron ทำให้จำนวนลูกค้าลดลง ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบ และต้นทุนในการดำเนินงานต่างๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผลประกอบการโดยรวมแย่ลง แม้ว่าจะเป็น High Season ของธุรกิจ

ปรับลดประมาณการลง

เราปรับประมาณการกำไรปี 65-66 ลง 7% และ 2% มาอยู่ที่ 7,188 ล้านบาท (-16%YoY) และ 7,295 ล้านบาท (+9%YoY) ตามลำดับ โดยยอดขายรวมอาจยังเติบโตได้ดี และอัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ในระดับสูง แต่ต้นทุนค่าขนส่งอาจอาจกดดันอย่างน้อยไปจนถึง 2Q65 ขณะที่ผลประกอบการจาก Red Lobster อาจยังไม่ฟื้นตัวเนื่องจากเพิ่งผ่านพ้น High Season ไป

ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 20.5 บาท

จากการปรับประมาณการ เราจึงให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 20.5 บาท อิง Justified PBV 1.7 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ราคาหุ้นระยะสั้นยังถูกกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนตัวใน 1Q65

ความเสี่ยง: ผลกระทบจาก COVID-19 ต่อบางธุรกิจของบริษัท

- Advertisement -