บล.พาย:

PSL: กำไร 1Q22 พุ่งขึ้น YoY ตามคาด แต่สะท้อนผ่านราคาหุ้นแล้ว

กำไร 1Q22 อยู่ที่ 1,294 ล้านบาท (-27%QoQ, +245%YoY) ลดลงอย่างมากจากยอดสูงใน 4Q21 แต่ถือว่า สอดคล้องกับประมาณการ และคิดเป็น 29% สำหรับประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2022

  • กำไรที่พุ่งสูงขึ้น YoY เป็นผลจากอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยที่ทำกำไรได้สูง ซึ่งได้อานิสงส์มาจากสภาวะขาดแคลนของอุปทาน บวกกับการฟื้นตัวของอุปสงค์การค้าในตลาด Seaborne หลังจากประเทศหลักๆ ต่างคลายมาตรการล็อกดาวน์ลง
  • กำไรที่ลดลง QoQ เป็นผลมาจากอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยที่ลดลงจากฐานสูงใน 2H21
  • คาดอุปสงค์การค้าเทกองจะชะลอตัวต่อเนื่องอย่างน้อยถึง 1H22 เพราะเผชิญกับแรงกดดันจากประเด็นรัสเซีย ยูเครน และการล็อกดาวน์ของจีน

คงคำแนะนำ “ถือ” แต่เพิ่มมูลค่าพื้นฐานจาก 16.0 บาท เป็น 18.0 บาท หลังจากปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2022-23 ในกรอบ 13%-23% อิง 1.5xPBV’23E หรือที่ค่าเฉลี่ยกลุ่มขนส่งเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น ทั้งนี้ เชื่อว่ายอดสูงของวัฏจักรตลาดได้ผ่านพ้นไปแล้ว ขณะที่คาดว่าค่าระวางสินค้าเทกองจะกลับสู่ระดับปกติและยืนในระดับที่ทำกำไรได้สูงในช่วงปี 2022-23 ด้วยแรงหนุนจากสมดุลระหว่างอุปสงค์-อุปทานที่ปรับดีขึ้น

สรุปผลประกอบการ

  • กำไร 1Q22 อยู่ที่ 1,294 ล้านบาท (-27%QoQ, +245%YoY) ลดลงอย่างมากจากยอดสูงใน 4Q21
  • กำไรที่พุ่งสูงขึ้น YoY เป็นผลจากอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยที่ทำกำไรได้สูง ซึ่งได้อานิสงส์มาจากสภาวะขาดแคลนของอุปทาน บวกกับการฟื้นตัวของอุปสงค์การค้าในตลาด seaborne หลังจากประเทศหลักๆ ต่างคลายมาตรการล็อกดาวน์ลง ส่วนกำไรที่ลดลง QoQ เป็นผลมาจากอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยที่ลดลงจากฐานสูงใน 2H21
  • กำไรเฉลี่ยต่อเรือหนึ่งลำของบริษัทอยู่ที่ US$21,995 ต่อวันใน 1Q22 (-17%QoQ, +81%YoY) ขณะที่ค่าระวางเรือเฉลี่ยของตลาดสำหรับเรือ Supramax และ Handy-sized อยู่ที่ US$21,053 (-8%QoQ, +80%YoY) และ US$20,313 (-19%QoQ, +69%YoY) ตามลำดับ ส่วนลดต่อตลาดนั้นเกิดขึ้นจากขนาดกองเรือที่เล็กกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด และระยะเวลาของสัญญาที่ต่างกัน
  • EBITDA ใน 1Q22 อยู่ที่ 1,672 ล้านบาท (-22%QoQ, +148%YoY) สูงเป็นอันดับ 3 ในรอบ 10 ปี

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2022-23 ขึ้น 13% และ 23% ตามลำดับ

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2022-23 ขึ้น 13% และ 23% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึง 1) การปรับเพิ่มสมมติฐานรายได้ขึ้น 6% หลังจากปรับเพิ่มสมมติฐานค่าระวางสำหรับปี 2022 และ 2023 ขึ้น 7% US$19,419/วัน และ US$13,198 วัน ตามลำดับ 2) คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะโตขึ้นเป็น 63.5% และ 45.9% ในกรอบเวลาเดียวกัน สืบเนื่องจากการปรับเพิ่มรายได้ขึ้น ขณะที่ยังคงต้นทุนตามเดิม และ 3) คาดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายจะลดลงเหลือ 7.9% และ 11.0% ตามลำดับ เพราะได้ประโยชน์จากความประหยัดต่อขนาด (economies of scale)

Revenue breakdown

ปัจจุบันบริษัทมีกองเรือบรรทุกสินค้าเทกองจำนวน 36 ลำ รวมน้ำหนักบรรทุก 1,585,805DWT โดยกองเรือของ บริษัทจดทะเบียนเป็นเรือธงไทยและสิงคโปร์จำนวน 20 และ 16 ลำ ตามลำดับ บริษัทดำเนินธุรกิจบริการขนส่ง สินค้าทางเรือ ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยให้บริการขนส่งทางเรือที่รองรับสินค้าหลากหลาย ประเภท ประกอบด้วย ปูนซีเมนต์ 32%, สินค้าเกษตร 17%, เหล็ก 9%, ปุ๋ย 10%, แร่ 10%, ถ่านหิน 7% และ รายการอื่นๆ 15%

บริษัทให้บริการเรือขนส่งสินค้าซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท:

  • การให้บริการเป็นรายเดี่ยว (Voyage Charter) คิดเป็นสัดส่วนที่ 6% ของรายได้รวม: การให้บริการลักษณะนี้  ผู้เช่าบริการจะชำระค่าระวางเรือให้แก่บริษัท เพื่อขนส่งสินค้าจากท่าเรือต้นทางไปยังอีกท่าเรือปลายทางใดๆ ตามที่ตกลง ซึ่งบริษัทเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวการเดินเรือ ซึ่งรวมถึงค่าน้ำมันเชื้อเพลิง
  • การเช่าเหมาลำเป็นระยะเวลา (Time Charter) คิดเป็นสัดส่วนที่ 94% ของรายได้รวม: ลูกค้าจะเช่าและว่าจ้างบริษัทเพื่อควบควบคุมเรือ และขนส่งสินค้าตามระยะเวลาที่ตกลงกัน ซึ่งลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวการเดินทางนั้นๆ รวมถึงค่าน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย
- Advertisement -