บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

Home Product Center (HMPRO TB) Size และ scale มีความสำคัญ

พร้อมรับแรงกดดัน

แม้ว่ากำไรสุทธิ 1Q65 ของ HMPRO จะเพิ่มขึ้นเพียง 11% YoY จากที่เราคาดไว้ 27% แต่ถือว่าอยู่เกณฑ์ดี เทียบกับ GLOBAL กำไรโต 20% และ DOHOME ที่กำไรหดตัว 15% YoY ในส่วน SSSG ของ HMPRO อยู่ที่ 3% GLOBAL 7% และ DOHOME 25% ภาพดังกล่าวสะท้อนว่าผู้ประกอบการที่แข็งแรงมีโอกาสเพิ่มความสามารถในการทำกำไรผ่านการกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ และควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ระดับก่อนโควิด เราเชื่อว่า HMPRO จะสามารถเติบโตได้ดีผ่านเครือข่ายร้านค้าที่มากมาย และการประหยัดจากขนาด ดังนั้น แม้ว่ายอดขายและกำไรใน 1Q65 จะอยู่ที่ 23% ของประมาณการของเราในปี 65 เราก็ยังคงประมาณการเดิม แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 17.1 บาท โดย ใช้ WACC 7.5% และ G 3%

งบ 1Q65 ชะลอตามคาด

รายได้ 1Q65 เพิ่มขึ้น 5.3% YoY เป็น 1.67 หมื่นล้านบาท จาก SSSG ที่ +3.1% (HomePro +1% และ Mega Home +10% ขณะที่รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 16.8% เนื่องจากอัตราการเช่าของ Market Villages ดีดตัวขึ้นเกือบ 95% และส่วนลดค่าเช่าลดลงเหลือประมาณ 10-15% ผู้บริหารตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ที่ 29.1% เทียบกับ 28.4% ใน 1Q64 โดยอัตรากำไรของการขายสินค้าอยู่ที่ 26.0% เพิ่มขึ้นจาก 25.7% ใน 1Q64 จากการปรับขึ้นราคาสินค้าคงคลังที่มีต้นทุนต่ำที่ยกมาจากปี 64 และสัดส่วนสินค้าเฮาส์แบรนด์เพิ่มขึ้นเป็น 20.4% ขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 11.9% แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการบริหารจะเพิ่มขึ้น 16.9% YoY จากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับ Covid-19, งานแสดงสินค้าและภาษีโรงเรือนที่กลับมาเป็นปกติกำไรสุทธิ อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% YoY EBITDA เพิ่มขึ้น 6.1% YoY

แรงกดดันเงินเฟ้อยังคงมี แต่บริหารจัดการได้

แรงกดดันด้านเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ แต่ไม่ได้กระทบโดยตรงต่อลูกค้าเป้าหมายของ HMPRO ที่มียอดเฉลี่ยต่อบิลอยู่ที่ 2,600-2,700 บาท สำหรับ HomePro และ 2,700 บาท สำหรับ Mega Home ซึ่ง HMPRO มีความยืดหยุ่นจากที่มีสินค้าคงคลังต้นทุนต่ำใน 4Q64/1Q65 เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นตัว แม้สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้มีหนี้สินเพิ่มขึ้น โดยมีอัตราดอกเบี้ย 0.6-0.8% แต่จะส่งผลบวกต่อกำไรของบริษัทจากการปรับเพิ่ม ราคาขายสินค้า

กลับมาขยายสาขาอีกครั้ง แนวโน้มเป็นบวก

กำไร 1Q65 เท่ากับ 23% ของประมาณการทั้งปีของเรา ส่งผลให้ยังไม่มีการปรับประมาณการ อย่างไรก็ตาม การบริหารสินค้าคงคลังและอุปสงค์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และแนวโน้มรายได้เป็นบวก หนุนโดย 2 ปัจจัย 1) การเติบโตของรายได้และอัตรากำไร และ 2) โมเมนตัมที่เพิ่มขึ้นของรายได้อื่น เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาสถัดไป ประกอบกับการเปิดโฮมโปรใหม่ 2 แห่ง และเมกะโฮม 5 แห่ง ซึ่งจะส่งผลให้รายได้อื่นสูงขึ้นด้วย

- Advertisement -